วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552

คมสันต์ไทยโชว์ เชิญชม หนังปราโมทัย-รามเกียรติ์”

ข่าวประชาสัมพันธ์
ไทยโชว์-หนังปราโมทัย อาทิตย์ที่ 4 ตุลาคมนี้

กลับมาอีกครั้ง กับพ่อสังวาลย์ ผ่องแผ้ว หัวหน้าคณะเพชรหนองเรือ แต่ครั้งนี้ไม่ได้มาโชว์หุ่นกระบอกอีสานแต่เป็นการแสดง “ หนังปราโมทัยหรือประโมทัย” การแสดงพื้นบ้านอีกอย่างของภาคอีสาน ที่น่าสนใจ และจะเรียกเสียงหัวเราะของท่านผู้ชมได้อีกครั้งอย่างแน่นอน

คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ กล่าวว่า
“หลังจากที่รายการไทยโชว์ออกอากาศ ตอน หุ่นกระบอกอีสาน คณะเพชรหนองเรือ ไป ทางรายการก็ได้รับผลตอบรับอย่างดี และมีคุณผู้ชมเรียกร้องให้ นำเสนอ หนังปราโมทัยหรือประโมทัย คณะเพชรหนองเรือ ผมและทีมงานจึงอดใจไม่ได้ต้องเชิญพ่อสังวาล ผ่องแผ้วและคณะเพชรหนองเรือ มาแสดงบนเวทีไทยโชว์อีกครั้ง เพื่อเรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้กับท่านผู้ชม”
หนังปราโมทัยหรือหนังตะลุงอีสาน คำว่า “ปราโมทัย” สันนิษฐานกันว่าน่าจะมาจากคำว่า ปราโมทย์ ที่หมายถึง ความบันเทิงใจ แล้วก็เรียกเพี้ยนกันมาเป็นปราโมทัย การแสดงปราโมทัยนั้นจะเริ่มจากการไหว้ครู การโหมโรง การประกาศชื่อเรื่อง การออกรูปฤาษี การเชิด และดำเนินตามเนื้อเรื่อง จนถึงฉากจบ ซึ่งทำนองการพากย์หนังปราโมทัยจะประกอบด้วย ทำนองร้องที่เป็นภาษาภาคกลาง มีเอื้อนเกริ่นนำ และทำนองร้องแบบหมอลำที่เป็นภาษาอีสาน บทเจรจาก็จะใช้ภาษาแตกต่างกันออกไป ตัวพระนางและยักษ์ จะเจรจาเป็นภาษากลาง ส่วนบทเจรจาภาษาถิ่นอีสานจะใช้กับตัวตลก เสนา และบริวาร
คมสันต์ สุทนต์ ยังกล่าวต่ออีกว่า
“จุดเด่นของหนังปราโมทัยอยู่ที่อารมณ์ขันของตัวหนัง ซึ่งอยู่ที่ความสามารถของผู้เชิด ที่จะแทรกอารมณ์ขันในเนื้อเรื่อง เพราะฉะนั้นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญในหนังปราโมทัยคือ ตัวตลก ซึ่งตัวตลกพ่อสังวาลย์เป็นคนเชิดเอง และสามารถเรียกเสียงหัวเราะจากชาวบ้านและเด็กๆ รวมทั้งทีมงานในห้องส่งได้อย่างไม่ขาดสาย”

นอกจากพ่อสังวาลย์จะเชิดหนังปราโมทัยเพื่อเลี้ยงชีพแล้ว พ่อสังวาลย์ยังถ่ายทอด ศิลปะการเชิดหนังตะลุงให้กับเด็กๆที่มีใจรักในการเชิดหนังปราโมทัย โดยสอนตั้งแต่การสร้างตัวหนัง จนวิธีการร้อง การเจรจา และการเชิด ทำให้พ่อก็เป็นที่รู้จักและเป็นที่รักของเด็กๆและชาวบ้านอำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น

หนังปราโมทัย เรื่อง รามเกียรติ์ ตอนศึกไมยราพ คณะเพชรหนองเรือจะม่วนซื่นเพียงใด ต้องติดตามชมรายการไทยโชว์ ตอน หนังปราโมทัย “คณะเพชรหนองเรือ”วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2552 เวลา 18.00 – 19.00 น. และชมซ้ำอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 5 กันยายนนี้ เวลา 10.04 น.ทางช่องทีวีไทย (ไทยพีบีเอส) แนะนำโชว์ได้ทาง thaishowtv@hotmail.com

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552

ไทยโชว์ตอน ฟ้อนสาวไหม อาทิตย์ 27 กันยายนนี้


ข่าวประชาสัมพันธ์
คมสันต์ไทยโชว์เชิญชม ฟ้อนสาวไหมต้นฉบับ-แม่ครูบัวเรียว

คมสันต์และรายการไทยโชว์อาทิตย์ที่ 27 กันยายนนี้ จะพาคุณผู้ชมเดินทางไปดูศิลปะการแสดงจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทย นั่นก็คือ จังหวัดเชียงราย มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ทางทีมงานจะตามน้องๆนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่กำลังจะออกเดินทางจากมหาวิทยาลัยไปเรียน ศิลปะการแสดงฟ้อนสาวไหมที่บ้านแม่ครูบัวเรียว

“แม่ครูบัวเรียว (สุภาวสิทธิ์ รัตนมณีภรณ์) เล่าให้ฟังว่ามักเข้าใจผิดว่า ฟ้อนสาวไหม ดัดแปลงมาจากการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เพื่อนำมาทอเป็นผ้าไหม แต่ความจริงแล้วคำว่า “ไหม” ในภาษาล้านนา หมายถึงเส้นด้าย และหากดูจากสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ ของชาวล้านนา ก็จะเห็นว่านิยมปลูกต้นฝ้าย เพื่อใช้ทอเป็นผืนผ้า ดังนั้นฟ้อนสาวไหม จึงหมายถึงการฟ้อนที่ประดิษฐ์มาจากกระบวนการทอผ้าฝ้ายนั่นเอง”

ตามนักศึกษามาถึงบ้านแม่ครูบัวเรียว ได้เห็นแม่ครูฟ้อนสาวไหมครั้งแรกทีมงานรายการไทยโชว์ถึงกับตะลึงถึงความอ้อนช้อยสวยงาม และละเมียดละไม จนสามารถจินตนาการเห็นเครื่องปั่นฝ้ายและการดึงฝ้ายแต่ละเส้นๆ เห็นเป็นขั้นตอนตั้งแต่การเก็บฝ้าย ปั่นฝ้าย จนกระทั่งการทักทอฝ้ายเป็นผืนได้เลยทีเดียว โดยเสน่ห์ที่ดึงดูดทุกสายตาของคนดูในการฟ้อนสาวไหมอยู่ที่ใบหน้าของแม่ครูบัวเรียวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขในการปั่นทอฝ้าย

คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า
“แม่ครูบัวเรียวเป็นต้นกำเนิดฟ้อนสาวไหม ซึ่งท่านผู้ชมสามารถชมการแสดงต้นฉบับฟ้อนสาวไหมได้อย่างสมบูรณ์แบบในรายการไทยโชว์ ซึ่งนอกจากต้นฉบับบแล้วยังเห็นวิวัฒนการของฟ้อนสาวไหมที่วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ ได้ดัดแปลงประยุกต์ออกมาเป็นการแสดงที่สวยงามอีกด้วย”

“ฟ้อนสาวไหมนอกจากจะเป็นการแสดงที่เกิดขึ้นจากการวิถีชีวิตของชาวบ้านแล้ว ยังแฝงไปด้วยปรัชญาการดำเนินชีวิต ว่า ชีวิตมนุษย์ทุกชีวิตต้องพบอุปสรรคมากมาย ดังเช่นการสาวไหมต้องเจอปม เมื่อคลี่ปมออกให้เป็นเส้นและถักทอเป็นผืนผ้าได้สวยงามก็เปรียบดังชีวิตที่ต้องต่อสู้ฝ่าฟันด้วยความเพียรพยายามและความอดทนเพื่อให้ผ่านพ้นอุปสรรคและปัญหาต่างๆ ไปได้”

คมสันต์สรุปปิดท้ายถึงฟ้อนสาวไหม
ที่นอกจากจะให้ความบันเทิงแล้วยังให้ประโยชน์กับสุขภาพ..

“..การฟ้อนสาวไหมได้ทั้งแง่คิดดีๆให้กับชีวิตและยังได้ฝึกสมาธิในการร่ายรำให้อ่อนช้อย แถมการฟ้อนสาวไหมยังสามารถดัดแปลงเป็นการออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรงได้อย่างแม่ครูบัวเรียว”

อย่าลืมติดตามชมรายการไทยโชว์ ตอน ฟ้อนสาวไหม วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน 2552 เวลา 18.00 – 19.00 น. และชมซ้ำอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 28 กันยายนนี้ทางช่องทีวีไทย (ไทยพีบีเอส) แนะนำโชว์ได้ทาง ThaiShow@thaipbs.or.th

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552

คมสันต์ไทยโชว์ประกบสองสาวล้านนา ช่างฟ้อนเชียงใหม่

ข่าวประชาสัมพันธ์
คมสันต์ไทยโชว์ประกบสองสาวล้านนา ช่างฟ้อนเชียงใหม่
รายการไทยโชว์ ตอน ช่างฟ้อนวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่
รายการไทยโชว์ วัน อาทิตย์ ที่ 13 กันยายน 2552 จะพาคุณผู้ชมไปรู้จักกับการฟ้อนแบบต่างๆของชาวล้านนา โดยพิธีกรคมสันต์ สุทนต์ จะพาไปยังวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ ซึ่งพิธีกรในรายการครั้งนี้จะไม่ได้มีแค่คมสันต์คนเดียว แต่จะมีน้องๆนักศึกษาสาววิทยาลัยนาฏศิลป เชียงใหม่ 2 คน คือ น้องโบว์ (จริยา ถานะวร) กับ น้องจ๋า (เขมิกา ศรีแก้ว) ประกบคู่พิธีกร ทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์ พารายการไทยโชว์ไปรู้จักกับการแสดงฟ้อนของชาวล้านนา

โดยเริ่มจากฟ้อนที เป็นการแสดงฟ้อนที่ใช้ร่มเป็นอุปกรณ์ประกอบการแสดง และที่เรียกว่าฟ้อนที เพราะคำว่า ที เป็นภาษา “ไต” ที่มีความหมายว่า ร่ม นั่นเอง พอรู้จักกับฟ้อนทีกันแล้วน้องโบว์กับน้องจ๋าก็พาเราเดินลัดเลาะอาคารไปรู้จัก ฟ้อนกมผัด เป็นการแสดงฟ้อนโคมหมุน นับเป็นการแสดงออกทั้งทางสติปัญญาและความศรัทธาอันแก่กล้าต่อพระพุทธศาสนาของชาวล้านนา โคมผัดจะตกแต่งด้วยกระดาษตัดเป็นรูปต่างๆ เช่น ลายพระธาตุปีเกิด 12 นักษัตร และ วิถีชีวิตชาวล้านนา ที่น่าทึ่ง คือ การหมุนของโคมโดยใช้แรงความร้อน ไม่ใช่มอเตอร์แต่อย่างใด ซึ่งจะจัดการแสดงในงานประเพณียี่เป็ง
เดินต่อไปยังศาลาริมน้ำเพื่อไปดูการแสดง ฟ้อนเมือง ซึ่งฟ้อนเมืองเป็นการแสดงที่บ่งบอกเอกลักษณ์ของเมืองเหนือ และที่มีชื่อเรียกกันหลายอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับโอกาสในการฟ้อน แต่ที่จริงแล้วมีท่าฟ้อนแบบเดียวกัน ส่วนการแต่งกายผิดกันเล็กน้อยตามโอกาส เช่น ฟ้อนเล็บ เป็นการฟ้อนของคนพื้นเมืองฟ้อนได้ทั้งชายและหญิง ถ้าเป็นหญิงฟ้อนจะสวมเล็บมือทำด้วยทองเหลือง(เดิมทำด้วยทองคำ)ขณะฟ้อน ถ้าผู้ชายฟ้อนจะไม่สวมเล็บ ซึ่งฟ้อนเล็บจะฟ้อนในเวลากลางวัน ส่วนฟ้อนเทียน(ฟ้อนเตียน) ใช้ฟ้อนเวลากลางคืน ผู้แสดงเป็นหญิงล้วน แต่งกายแบบพื้นเมืองเหนือ จำนวนผู้ฟ้อนไม่แน่นอนแล้วแต่ความสวยงาม
ยังไม่หมดแค่นี้ ยังมีฟ้อนม่านมุ่ยเซียงตาชาย-หญิง และระบำซอ เป็นฟ้อนประดิษฐ์ของ พระราชชายาเจ้าดารารัศมี พระราชชายาในรัชกาลที่ 5 ทางวิทยาลัยนาฏศิลป เชียงใหม่ได้สืบทอดมาสอนให้กับเยาวชนรุ่นใหม่
นอกจากฟ้อนเหล่านี้ยังมีฟ้อนอื่นๆอีกมากมาย แต่น่าเสียดายหมดเวลาเสียก่อนต้องขอบคุณน้องโบว์กับน้องจ๋า ที่พารายการไทยโชว์ไปซอกแซกในวิทยาลัยนาฏศิลป เชียงใหม่ ทำให้รายการไทยโชว์ได้พาคุณผู้ชมไปสัมผัสถึงความสวยงามและอ่อนช้อยของฟ้อนชาวล้านนา
“คมสันต์ ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า เชียงใหม่เป็นเมืองที่ผมอยากอยู่นานๆ เพราะยังมีศิลปะการแสดงอีกนับร้อย รอคิวออกรายการไทยโชว์”
ติดตามชมรายการไทยโชว์ ตอน ช่างฟ้อนวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ วันอาทิตย์ที่ 13กันยายน 2552 เวลา 18.00 – 19.00 น. ทางช่องทีวีไทย(ไทยพีบีเอส)