ข่าวประชาสัมพันธ์ไทยโชว์
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ ขอต้อนรับปีกระต่ายด้วยการชม “รวมภาพความประทับใจไทยโชว์ปี 2553” วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม 2554 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย
“ในปีที่ผ่านมา พ.ศ.2553 ยังมีบางช่วงสำคัญของโชว์ดีๆหลายตอน ที่ยังไม่ได้ตัดต่อออกอากาศ เนื่องจากมีเวลาจำกัด..อย่างตอนเพลงทรงเครื่อง ช่วงท้ายๆที่ศิลปินรับเชิญ น้าโย่ง เชิญยิ้ม ประทะคารมด้นกลอนสด(เพลงฉ่อย)กับแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ศิลปินแห่งชาติ ที่เรียกเสียงฮาสนุกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นกิจกรรมครั้งแรกที่เราเปิดโอกาสเชิญแฟนรายการไทยโชว์จำนวนเกือบพันท่าน มาชมการแสดงกันแบบสดๆ ด้วยครับ ”
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เริ่มย้อนเล่าโชว์ปี 2553 ที่ผ่านมาให้ฟัง
“นอกจากนั้นไทยโชว์ ขอย้ำความทรงจำให้หายคิดถึง กับสุดยอดศิลปินพื้นบ้าน “แม่จิ๋ว คำประโมง” ราชินี รองเง็ง อันดามัน กับน้ำเสียงทรงพลังที่ท้าทายคลื่นลมทะเล..ความเปลี่ยนแปลงบนเกาะสิเหร่ ภูเก็ต..แล้วกลับไปเที่ยวอำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม สัมผัสความอัจฉริยะของหมอแคนผู้พิการทางสายตาที่มีนามว่า “สมบัติ สิมหล้า” กับลีลาเป่าแคนหมุน360 องศา,เป่า เลียนเสียงรถไฟ ...ย้อนไปชมอลังการประเพณีผีขนน้ำ.. เต้นโยกย้ายไปกับ แมงหน้างาม เด็กหนุ่มสาว ที่บ้านนาซ่าว อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย...กลับไปชื่นชมความสามารถทางดนตรีร่วมสมัยของเยาวชนคนรุ่นใหม่ “เด็กบ้านดิน” ที่บ้านเจ็ดเสมียน จังหวัดราชบุรี และวง
“บุญฮักษา” จังหวัดเชียงใหม่..........”
“ในปีใหม่ พ.ศ.2554 ผมและทีมงานไทยโชว์ ทีวีไทยทุกคน ขออวยพรให้คุณผู้ชมทุกท่านมีความสุข และสัญญาว่าจะค้นหาโชว์ดีๆทั่วประเทศไทยมานำเสนอตลอดไปครับ
คมสันต์ สุทนต์ กล่าวอวยพรปีใหม่ปิดท้าย
ชมรายการไทยโชว์ตอน “รวมภาพความประทับใจไทยโชว์ปี 2553” วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม 2554 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ชมรายการไทยโชว์ย้อนหลังทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
วันพฤหัสบดีที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553
คมสันต์ สุทนต์แห่งไทยโชว์เชิญสัมผัสความอลังการแห่งปี “วรนคร สัพพะนันทเภรี ศรีนครน่าน”

ข่าวประชาสัมพันธ์ไทยโชว์
คมสันต์ ไทยโชว์เชิญสัมผัสความอลังการแห่งปี “วรนคร สัพพะนันทเภรี ศรีนครน่าน”
อาทิตย์ที่ 19 ธันวาคมนี้
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เชิญสัมผัสความอลังการแห่งปี “วรนคร สัพพะนันทเภรี ศรีนครน่าน”โดยเด็กรุ่นใหม่หัวใจเข้มแข็ง “กลุ่มมิตรแก้วสหายคำวรนครร่วมกับโรงเรียนปัว”ด้วยโชว์ประวัติศาสตร์ที่เล่าความเป็นมาของ เมืองวรนคร อำเภอปัว จังหวัดน่าน อาทิ การแสดงชุด กลองคุมพระเจ้าน่าน มหาทานไหว้สาพระธาตุเจ้า, พุทธปูชาเภรี อัญชุลีทีปะส่องงาม, ย้ายปัวเขตคาม ล่องน่านสายธารา-ฟ้อนล่องน่าน,เปิ่งอั่งชื่นอุรา หาญกล้าเชิงชายไทลื้อ และเลื่องลือตบมะผาบ สาวไหม เชิงเริงใจวงกลองเงี้ยว เป็นต้น... ในบรรยากาศบุญกฐินวัดป่าหัด ต้นหน้าหนาวทุ่งข้าวสีทองอร่าม ในรายการไทยโชว์ตอน “วรนคร สัพพะนันทเภรี ศรีนครน่าน” วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย
“ที่อำเภอปัว จังหวัดน่าน มีเด็กๆเยาวชนคนรุ่นใหม่เขารวมตัวกันตั้งกลุ่ม เพื่อสืบสานงานศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นและกิจกรรมเพื่อสังคม เขาใช้ชื่อกลุ่มว่า “กลุ่มมิตรแก้วสหายคำวรนคร” โดยมีผู้ใหญ่ใจดีให้การสนับสนุนทั้งแรงกายแรงใจอย่างแข็งขัน โดยเจ้าอธิการเพทาย พรหมโชโต ท่านเจ้าอาวาสวัดป่าหัดฯร่วมกับโรงเรียนปัว อำเภอปัว ให้สถานที่ในการรวมตัว ประชุม ฝึกฝน ฝึกซ้อม พ่อครูแม่ครูในท้องถิ่นช่วยถ่ายทอดความรู้ด้านศิลปการแสดงที่ทรงคุณค่า จนทำให้เด็กๆกลุ่มนี้มีขวัญและกำลังใจ ..เป็นกลุ่มที่แข็งแกร่ง จนสามารถเป็นแบบอย่างให้กับคนรุ่นใหม่ที่ตั้งใจจะรวมตัวกันสร้างสรรค์งานศิลป์ในท้องถิ่นอื่นๆ ได้เป็นอย่างดีครับ” คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เริ่มต้นเล่าให้ฟังถึงโชว์ในครั้งนี้
“ช่วงเวลาที่ผมและรายการไทยโชว์ไปถ่ายทำที่อำเภอปัว หรือเดิมคือ เมืองวรนครนั้นเป็นช่วงต้นฤดูหนาวพอดี จึงมีภาพสวยๆสอดแทรกอยู่ในโชว์ และตรงกับวันบุญกฐินพอดี จึงได้มีโอกาสร่วมบุญใหญ่กับพ่ออุ๊ยแม่อุ๊ย ทำพระเจดีย์ข้าวสาร และข้าวเปลือก เป็นฉัตรเก้าชั้นสีรุ้งสดใส อยู่บริเวณลานวัดป่าหัด...ก่อนที่จะชักชวนทุกท่านไปร่วมให้กำลังใจลูกๆหลานๆ หลังจากเสร็จภารกิจงานบุญครับ”
“ไทยโชว์ในตอนนี้มีชื่อว่า วรนคร สัพพะนันทเภรี ศรีนครน่าน เป็นเรื่องราวของศิลปการแสดงที่เด็กๆเขาเรียงร้อยเล่าประวัติความเป็นมาของ วรนคร ทีละชุดๆ เริ่มจาก***
การแสดงชุดแรก กลองคุมพระเจ้าน่าน มหาทานไหว้สาพระธาตุเจ้า ประกอบด้วยขบวนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ขบวนแห่อิสริยยศเมืองน่าน ขบวนแห่ครัวทานแบบเมืองน่าน และขบวนแห่ไหว้สาป๋ารมีพระบรมธาตุเจ้าแช่แห้ง เป็นการจำลองขบวนเสด็จของพระเจ้าสุริยะพงษ์ผลิตเดช ฯ พระเจ้าผู้ครองนครน่านองค์ที่ ๖๒ เสด็จไปไหว้สาพระบรมธาตุเจ้าแช่แห้งในวัน ๖ เป็ง จะมีขบวนแห่เครื่องครัวทาน ช่อหลวงตุงไชย บูชาพระธาตุเจ้า และในขบวนเสด็จจะมีกลองคุมประกอบอิสริยยศของเจ้าผู้ครองนครน่าน
วงกลองคุมเป็นวงกลองที่ใช้ประกอบในขบวนเกียรติยศของผู้ครองนครในเขตล้านนา รวมถึงใช้สำหรับแห่พระบรมสารีริกธาตุมาแต่โบราณ และยังใช้สำหรับรับเสด็จพระบรมวงศานุวงศ์หรือแขกเมืองระดับสูง...
ทางเมืองน่านและเมืองลำปางเรียกว่า กลองคุม ในเอกสารโบราณเขียนเป็น กลองครุมบ้างกลองฅุมบ้าง
นอกจากนี้ คนเมืองน่านในอดีตยังเรียกชื่อตามเสียงที่ได้ยินว่า กลองตุ้มคะลุ่ม ส่วนทางทางเมืองเชียงใหม่และในงานวรรณกรรมล้านนาเรียกว่า กลองชุม
ฟ้อนหางนกยูงเป็นฟ้อนชั้นสูงของราชสำนักหอคำนครน่านซึ่งใช้ประกอบขบวนอิสริยยศของเจ้าผู้ครองนครน่าน และฟ้อนมองเซิงเป็นการฟ้อนของสตรีที่สืบค้นมาจากแม่ครูสวย สุทธหลวง ซึ่งเป็นฟ้อนโบราณของเมืองปัว ในอดีตใช้ฟ้อนนำหน้าครัวทานและฟ้อนไหว้สาพระธาตุเจ้าเบ็งสกัดของชาวบ้านแก้ม ซึ่งนับวันจะหาสืบทอดได้น้อยลง เครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดงใช้วงกลองมองเซิงครับ
การแสดงชุดที่สอง “พุทธปูชาเภรี อัญชุลีทีปะส่องงาม” ประกอบด้วย วงกลองบูชาและฟ้อนบูชาฝางประทีป.. ก๋องปู๋จาหรือกลองบูชาเป็นกลองของคนเมืองน่านที่ใช้ตีเป็นพุทธบูชา ซึ่งเป็นกลองประจำวัดและอยู่คู่กับพุทธศาสนาในเมืองน่านและถิ่นล้านนามาช้านาน เป็นกลองที่มีความสำคัญในระดับหมู่บ้านและระดับเมือง เพราะเป็นกลองตีบอกสัญญาณต่าง อาทิ บอกเหตุข้าศึกเข้าโจมตีเมือง น้ำท่วม ไฟไหม้ เรียกประชุม บอกเวลา และบอกเหตุสำคัญที่เกิดขึ้นในวัด...ส่วนฟ้อนบูชาผางประทีปเป็นฟ้อนของชาวไทลื้อบ้านป่าลานซึ่งสืบทอดมาจากพ่อครูบุญทัน ไชยศิลป์ โดยใช้เทียนประกอบการฟ้อนและเป็นการแสดงออกถึงบูชาพระพุทธเจ้า ส่วนการฟ้อนผางก็เป็นการฟ้อนบูชาพระพุทธเจ้าเช่นกัน ทั้งนี้เชื่อว่าช่วยปัดเป่าเคราะห์ภัยต่าง ๆ อีกด้วยครับ
การแสดงชุดที่สาม ย้ายปัวเขตคาม ล่องน่านสายธารา “ฟ้อนล่องน่าน” ซึ่งถือว่าเป็นการแสดงเฉพาะถิ่นที่โดดเด่นที่สุดครับ..ฟ้อนล่องน่าน ถ้าหากแบ่งตามพัฒนาการแบ่งได้เป็น ๓ ยุคครับ
ยุคฟ้อนล่องน่านแบบดั้งเดิม เป็นฟ้อนที่คลี่คลายมาจากการฟ้อนเชิง หรือฟ้อนลายงามของผู้ชายบนเรือแข่ง ต่อมาได้มีการนำมาฟ้อนบนบกด้วย ข้อสังเกตของการฟ้อนล่องน่านแบบดั้งเดิมคือจะไม่มีการก้าวเท้าหรือถ้ามีก็จะขยับเท้าแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งนี้เพราะพื้นที่บนเรือมีจำกัดนั่นเอง และไม่จีบมืออย่างการรำตามแบบนาฏศิลป์ไทย เพียงแต่กรีดกรายนิ้วมือแต่พองามเท่านั้น
ยุคฟ้อนล่องน่านที่พัฒนาขึ้นจากฟ้อนแบบดั้งเดิม เป็นฟ้อนล่องน่านเริ่มมีความอ่อนช้อยมากขึ้น และเริ่มมีการก้าวเท้า โดยเดินแปรแถวไปทางซ้ายและขวา ส่วนท่าฟ้อนยังคงเป็นแบบเดิมเมืองน่าน
ยุคฟ้อนล่องน่านที่ได้รับอิทธิพลจากภายนอก สมัยต่อมาฟ้อนจากภายนอกเริ่มเข้ามาแพร่หลายในเมืองน่านมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งการฟ้อนเล็บทางเชียงใหม่ และการรำตามแบบนาฎศิลป์ไทย บางหมู่บ้านและบางสถานศึกษามีการฟ้อนหมุนตัวเป็นรูปครึ่งวงกลมตามอย่างฟ้อนเล็บด้วย แต่ถึงกระนั้นดนตรีที่ใช้ก็ยังเป็นวงกลองล่องน่าน การแต่งกายก็ยังคงแบบฉบับของชุดฟ้อนล่องน่านอยู่ แม้ว่าจะรับท่าฟ้อนจากภายนอก แต่ช่างฟ้อนเมืองน่านก็ได้นำมาผสมผสานได้อย่างกลมกลืน จนเป็นเอกลักษณ์แบบฉบับของตนเองครับ
การแสดงชุดที่สี่ เปิ่งอั่งชื่นอุรา หาญกล้าเชิงชายไทลื้อ กลองเปิ่งอั่ง เป็นกลองแอวชนิดหนึ่งของชาวไตลื้อ ที่ใช้ตีแข่งขันกันในช่วงงานบุญถวายสลากภัตร ผู้ตีจะต้องแสดงลีลาชั้นเชิงและการตีกลองให้มีเสียงที่ดังและไพเราะ การฟังว่ากลองใบไหนดังดีหรือไม่ ให้ฟังว่ากลองใบไหนดังกล่าว ใบอื่นมีเสียงอั่งดังแทรกกลองใบอื่น กลองชนิดนี้เรียกลักษณะนามว่า ปู้ แต่ละวัดของคนไตลื้อจะมีกลองชนิดนี้ไว้ การตีจะต้องตีให้ดังเปิ่งและอั่ง จึงเรียนกลองชนิดนี้อีกชื่อคือ กลองเปิ่งอั่ง..
การแสดงชุดที่ห้า เลื่องลือตบมะผาบ สาวไหม เชิงเริงใจวงกลองเงี้ยว..วงกลองเงี้ยว (จังหวัดน่าน) หรือ กลองปู่เจ่ , กลองปู่เจ่ (จังหวัดเชียงใหม่) เป็นกลองก้นยาวที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาวไทใหญ่ ซึ่งเป็นชาติพันธุ์หนึ่งที่เคยอาศัยในภาคเหนือในอดีต
ในเมืองน่านก็เช่นกันมีกลุ่มชาติพันธุ์นี้อาศัยอยู่ และได้ถ่ายทอดศิลปะการตีกลองชนิดนี้ให้กับคนเมืองน่าน ลักษณะกลองชนิดนี้จะมีความแตกต่างจากเชียงใหม่ คือ มีช่วงกระบอกเสียงของกลองเป็นทรงกระบอกและยาวกว่าเชียงใหม่ ไม้ที่นิยมนำมาขุดมักเป็นไม้เนื้ออ่อน เช่น ไม้ส้อ ไมงิ้วแดง ไม้สัก ไม่ขนุนเป็นต้น วงกลองชนิดนี้ประกอบด้วยกลองงิ้ว ฉาบ และฆ้อง ๓-๗ ใบ มักพบในเขตท้องที่อำเภอเวียงสา โดยเฉพาะบ้านดอนแท่น บ้านบุญยืน บ้านป่ากล้วย บ้านกลางเวียง และบ้านสันติสุข ซึ่งนิยมตีประโคมแห่ครัวทาน แห่องค์ผ้าป่า แห่ลุกแก้ว ( น่าน ) และการฟ้อนเจิง-ดาบ เป็นต้น
ส่วน เจิงสาวไหม เป็นเจิงที่นำเอาขั้นตอนการสาวไหมจนถึงการทอผ้า ของสตรีชาวล้านนา มาประดิษฐ์เป็นท่าฟ้อน แสดงถึงความอ่อนโยนและแสดงถึงวิถีชีวิตของชาวล้านนา ซึ่งสืบทอดมาจากพ่อครูเมือง เทพประสิทธิ์ครับ”... ***
***อ้างอิงข้อมูลการแสดงทั้งหมดจาก “หนานคมสันต์ มหาวงศนันท์ ขันทะสอน”
คมสันต์ สุทนต์ กล่าวปิดท้ายโชว์ว่า
“นอกจากจะได้ชมโชว์สวยอลังการจากน้องๆ “กลุ่มมิตรแก้วสหายคำวรนคร” แล้วคุณผู้ชมจะได้ชมการสาธิตการแสดงท้องถิ่นต้นฉบับจากพ่อครูแม่ครู ไม่ว่าจะเป็น ฟ้อนล่องน่านแบบโบราณจาก แม่ครูปัญฐานิจจ์ กีรติวรกาญจน์, กลองเปิ่งอั่ง จากพ่อครูเกษม ชัยมงคล และพ่อครูจำนง มานะกิจ, ฟ้อนเจิง-ฟ้อนดาบ แบบไทลื้อจากพ่อครูบุญตัน ไชยศิลป์, ฟ้อนผางประทีปจากพ่อครูธนะทัต วัดคำ, และฟ้อนเจ้งสาวไหมจากครูคมสันต์ ขันทะสอน ครูผู้ฝึกสอน-ก่อตั้งดูแลกลุ่มมิตรแก้วสหายคำวรนคร ซึ่งต้องบอกว่าหาโอกาสชมได้ยากมากครับ”
พลาดไม่ได้ ชมรายการไทยโชว์ตอน “วรนคร สัพพะนันทเภรี ศรีนครน่าน” วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย
ชมรายการไทยโชว์ย้อนหลังทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์เชิญชมดนตรีไทย โครมาติค ในรูปแบบบทเพลงพระราชนิพนธ์ “มหาคีตราชันย์” อาทิตย์ที่ 5 ธันวาคมนี้

คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ ขอเชิญชมการแสดงดนตรีไทย ระบบเสียงโครมาติค ที่ได้อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ “แสงเทียน, ลมหนาว, ยามเย็น, Oh I Sayและแผ่นดินของเรา” มานำเสนอ เนื่องในวโรกาสคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม 2553 เวลา 18.00 น. ในรายการไทยโชว์ ทางทีวีไทย ชมรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
คมสันต์ ไทยโชว์เชิญสัมผัสตัวจริง“ขุนอิน” วันอาทิตย์ 28 พฤศจิกายนนี้
ข่าวประชาสัมพันธ์ไทยโชว์
คมสันต์ ไทยโชว์เชิญสัมผัสตัวจริง“ขุนอิน” วันอาทิตย์ 28 พฤศจิกายนนี้
“ช่วงเวลาสองสามปีที่ผ่านมาหลังจากที่ ครูปอง-ณรงค์ฤทธิ์ โตสง่า ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นกับบาทของ “ขุนอิน” นักระนาดในภาพยนตร์เรื่องโหมโรง จนมีชื่อเสียงโด่งดังและต้องเดินสายไปทัวร์คอนเสิร์ตต่างประเทศ จนแทบไม่มีวันหยุด ...ในที่สุดก็สามารถจัดเวลามาขึ้นเวทีไทยโชว์ ตามกระแสเรียกร้องของแฟนคลับไทยโชว์จนได้ครับ” คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เริ่มต้นเล่าเรื่องของนักระนาดร่วมสมัยคนดังของเมืองไทย
“ไทยโชว์ในตอนนี้ คุณผู้ชมจะได้สัมผัสตัวจริงที่เรียบง่ายแบบไทยๆแต่เข้มข้นด้วยสีสันแบบอินเตอร์ของขุนอิน กับประสบการณ์ประทับใจทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก เสมือนได้ไปนั่งเกาะติดขอบเวที... เริ่มจากโชว์
โหมโรงจีนตอกไม้ ที่เป็นเพลงดังที่สร้างชื่อเสียงให้ขุนอินในภาพยนตร์เรื่อง “โหมโรง”
เป็นเพลงที่ครูสุพจน์ โตสง่า “ระนาดน้ำค้าง” คุณพ่อของขุนอินแต่งทำนอง
บทเพลงพระราชนิพนธ์ “แสงเทียน” ที่ทุกครั้งที่ขุนอินไปต่างประเทศจะต้องอัญเชิญแสดงเป็นเพลงแรก เพื่อบอกให้คนทั่วโลกรับรู้ถึงพระอัจฉริยะภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ของปวงชนชาวไทย
รามัญแซมบ้า เพลงสำเนียงมอญหวานๆอย่างเพลงมอญคละ ในท่วงท่าจังหวะเร้าใจแบบแซมบ้า
โดราเอมอน เพลงที่เรียกเสียงปรบมืออย่างล้นหลามทุกครั้ง ที่ขุนอินไปเล่นในทัวร์คอนเสิร์ตญี่ปุ่น.....นอกนี้ยังมีเพลงที่เรียบเรียงใหม่อย่าง พม่ารำขวาน, โยสลัมฯ
ปิดท้ายโชว์ ด้วยบทเพลงพระราชนิพนธ์ “ชะตาชีวิต” อุ่นเครื่องก่อนที่สัปดาห์หน้า(วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม 2553) คุณผู้ชมรายการไทยโชว์จะได้เต็มอิ่มกับบทเพลงพระราชนิพนธ์ในรูปแบบของดนตรีไทยโครมาติกครับ” คมสันต์ สุทนต์ กล่าวปิดโชว์แล้วชื่อมไปถึงตอนหน้า
ติดตามรายการไทยโชว์ตอน “ขุนอิน” วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
คมสันต์ ไทยโชว์เชิญสัมผัสตัวจริง“ขุนอิน” วันอาทิตย์ 28 พฤศจิกายนนี้
“ช่วงเวลาสองสามปีที่ผ่านมาหลังจากที่ ครูปอง-ณรงค์ฤทธิ์ โตสง่า ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นกับบาทของ “ขุนอิน” นักระนาดในภาพยนตร์เรื่องโหมโรง จนมีชื่อเสียงโด่งดังและต้องเดินสายไปทัวร์คอนเสิร์ตต่างประเทศ จนแทบไม่มีวันหยุด ...ในที่สุดก็สามารถจัดเวลามาขึ้นเวทีไทยโชว์ ตามกระแสเรียกร้องของแฟนคลับไทยโชว์จนได้ครับ” คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เริ่มต้นเล่าเรื่องของนักระนาดร่วมสมัยคนดังของเมืองไทย
“ไทยโชว์ในตอนนี้ คุณผู้ชมจะได้สัมผัสตัวจริงที่เรียบง่ายแบบไทยๆแต่เข้มข้นด้วยสีสันแบบอินเตอร์ของขุนอิน กับประสบการณ์ประทับใจทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก เสมือนได้ไปนั่งเกาะติดขอบเวที... เริ่มจากโชว์
โหมโรงจีนตอกไม้ ที่เป็นเพลงดังที่สร้างชื่อเสียงให้ขุนอินในภาพยนตร์เรื่อง “โหมโรง”
เป็นเพลงที่ครูสุพจน์ โตสง่า “ระนาดน้ำค้าง” คุณพ่อของขุนอินแต่งทำนอง
บทเพลงพระราชนิพนธ์ “แสงเทียน” ที่ทุกครั้งที่ขุนอินไปต่างประเทศจะต้องอัญเชิญแสดงเป็นเพลงแรก เพื่อบอกให้คนทั่วโลกรับรู้ถึงพระอัจฉริยะภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ของปวงชนชาวไทย
รามัญแซมบ้า เพลงสำเนียงมอญหวานๆอย่างเพลงมอญคละ ในท่วงท่าจังหวะเร้าใจแบบแซมบ้า
โดราเอมอน เพลงที่เรียกเสียงปรบมืออย่างล้นหลามทุกครั้ง ที่ขุนอินไปเล่นในทัวร์คอนเสิร์ตญี่ปุ่น.....นอกนี้ยังมีเพลงที่เรียบเรียงใหม่อย่าง พม่ารำขวาน, โยสลัมฯ
ปิดท้ายโชว์ ด้วยบทเพลงพระราชนิพนธ์ “ชะตาชีวิต” อุ่นเครื่องก่อนที่สัปดาห์หน้า(วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม 2553) คุณผู้ชมรายการไทยโชว์จะได้เต็มอิ่มกับบทเพลงพระราชนิพนธ์ในรูปแบบของดนตรีไทยโครมาติกครับ” คมสันต์ สุทนต์ กล่าวปิดโชว์แล้วชื่อมไปถึงตอนหน้า
ติดตามรายการไทยโชว์ตอน “ขุนอิน” วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
คมสันต์ สุทนต์ แห่งรายการไทยโชว์เชิญติดตามเรื่องราวของ “คนละคร-มานพ มีจำรัส”
ข่าวประชาสัมพันธ์ไทยโชว์
คมสันต์ ไทยโชว์เชิญติดตามเรื่องราวของ “คนละคร-มานพ มีจำรัส” วันอาทิตย์ 21 พฤศจิกายนนี้
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ขอเชิญติดตามเรื่องราวของคนละคร...บนเส้นทางสายศิลปะของผู้ชายที่ชื่อว่า มานพ มีจำรัส คนที่เดินตามความคิด ความฝัน ฝ่าฟัน ค้นหา ท้าทายกับโชคชะตามา โดยตลอด ผ่านการบ่มเพาะความรู้จากครูบาอาจารย์หลายสาขา โดยเฉพาะสาขานาฏศิลป์ไทย ที่ทำให้เขาหลงใหลและหลงรัก จนกลายเป็นพื้นฐานที่หลอมรวมอัดแน่นอยู่ในร่างกายและสายเลือดของเขา ถ่ายทอดออกมาทางศิลปะการแสดง... จนได้รับรางวัล ศิลปินศิลปาธร สาขาศิลปะการแสดงร่วมสมัย จากกระทรวงวัฒนธรรม ในปี 2548
ติดตามรายการไทยโชว์ตอน คนละครวันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
คมสันต์ ไทยโชว์เชิญติดตามเรื่องราวของ “คนละคร-มานพ มีจำรัส” วันอาทิตย์ 21 พฤศจิกายนนี้
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ขอเชิญติดตามเรื่องราวของคนละคร...บนเส้นทางสายศิลปะของผู้ชายที่ชื่อว่า มานพ มีจำรัส คนที่เดินตามความคิด ความฝัน ฝ่าฟัน ค้นหา ท้าทายกับโชคชะตามา โดยตลอด ผ่านการบ่มเพาะความรู้จากครูบาอาจารย์หลายสาขา โดยเฉพาะสาขานาฏศิลป์ไทย ที่ทำให้เขาหลงใหลและหลงรัก จนกลายเป็นพื้นฐานที่หลอมรวมอัดแน่นอยู่ในร่างกายและสายเลือดของเขา ถ่ายทอดออกมาทางศิลปะการแสดง... จนได้รับรางวัล ศิลปินศิลปาธร สาขาศิลปะการแสดงร่วมสมัย จากกระทรวงวัฒนธรรม ในปี 2548
ติดตามรายการไทยโชว์ตอน คนละครวันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
คมสันต์ ไทยโชว์เชิญฟังเครื่องสายหวานกับ “ผสานเสน่ห์สายศิลป์” อาทิตย์ 14 พฤศจิกายนนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์ไทยโชว์
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ ขอเชิญฟังเพลงหวานกับวงดนตรีเครื่องสายหลากสีสันนำวงโดยอาจารย์สิทธิศักดิ์ จรรยาวุฒิ และน้องๆจากสถาบันพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม อาทิ วงเครื่องสายผสมขิมและออร์แกนลมในเพลงใบ้คลั้ง, เดี่ยวซอด้วงเพลงพญาโศก โดยครูเบ็ญจรงค์ ธนโกเศศ ศิลปินแห่งชาติฯ และเดี่ยวจะเข้หมู่ 8 ตัวของคุณครูนิภา อภัยวงศ์ เพลงนกขมิ้น(จะเข้)ว่าดอก เป็นต้น วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย
“ไทยโชว์ตอนนี้เป็นตอนเพลงไทยหวานๆ นำวงโดยอาจารย์สิทธิศักดิ์ จรรยาวุฒิ และน้องๆจากสถาบันพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม ที่แฟนไทยโชว์คุ้นเคยกันดีในตอนพริ้วพรายสายจะเข้ เมื่อเกือบสองปีก่อน..เริ่มต้นโชว์ด้วยเพลงโหมโรงมหาฤกษ์ ผลงานการประพันธ์ของครูมนตรี ตราโมท ศิลปินแห่งชาติ ปีพุทธศักราช 2528 คีตกวีห้าแผ่นดิน บรรเลงโดยวงเครื่องสายผสมขิมและออร์แกนลม คณะมิตรบรรเลง ซึ่งในปัจจุบันหาคนเล่นออร์แกนลมได้น้อยมากครับ” คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการ เริ่มต้นเล่าถึงโชว์เพลงแรกให้ฟัง “แล้วต่อด้วยเพลงที่สอง เพลงใบ้คลั้ง เพลงนี้มีความไพเราะและมีความเป็นมาที่น่าสนใจ เพราะผู้ประพันธ์เพลงนี้คือครูช้อย สุนทรวาทิน ท่านเป็นครูดนตรีไทยคนสำคัญในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่นัยน์ตามองไม่เห็นมาตั้งแต่เด็ก...แถมเพลงนี้ยังแปลกที่มีตั้ง 3 หน้าทับ ประกอบด้วยหน้าทับสองไม้ หน้าทับปรบไก่และหน้าทับลาว......ส่วนเพลงที่สามถือว่าเป็นโชว์พิเศษเดี่ยวซอด้วงเพลงพญาโศก โดยครูเบ็ญจรงค์ ธนโกเศศ ศิลปินแห่งชาติ ปีพุทธศักราช 2541 บรมครูซอวัย 93 ปี ที่ยังสีซอไพเราะจับใจ...ปิดท้ายโชว์ด้วยเพลงลา เดี่ยวจะเข้หมู่ 8 ตัว เพลงนกขมิ้นว่าดอก ซึ่งเป็นทางของคุณครูนิภา อภัยวงศ์ (ประคอง พุ่มทองสุก)โดยใช้จะเข้เลียนเสียงร้อง ครับ คมสันต์ สุทนต์กล่าวปิดท้ายโชว์
ติดตามฟังเพลงหวานในรายการไทยโชว์ ตอน “ผสานเสน่ห์สายศิลป์” วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
คมสันต์ สุทนต์ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์เชิญฟังเพลงหวานกับ “ผสานเสน่ห์สายศิลป์” อาทิตย์ 14 พฤศจิกายนนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์ไทยโชว์
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ ขอเชิญฟังเพลงหวานกับวงดนตรีเครื่องสายหลากสีสัน อาทิ วงเครื่องสายผสมขิมและออร์แกนลมในเพลงใบ้คลั้ง, เดี่ยวซอด้วงเพลงพญาโศก โดยครูเบญจรงค์ ธนโกเศศ ศิลปินแห่งชาติฯ และเดี่ยวจะเข้หมู่ 8 ตัว เพลงนกขมิ้น(จะเข้)ว่าดอก เป็นต้น วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย
“ไทยโชว์ตอนนี้เป็นตอนเพลงไทยหวานๆ ที่เริ่มต้นด้วยเพลงโหมโรงมหาฤกษ์ ผลงานการประพันธ์ของครูมนตรี ตราโมท ศิลปินแห่งชาติ ปีพุทธศักราช 2528 คีตกวีห้าแผ่นดิน บรรเลงโดยวงเครื่องสายผสมขิมและออร์แกนลม คณะมิตรบรรเลง ซึ่งในปัจจุบันหาคนเล่นออร์แกนลมได้น้อยมากครับ” คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการ เริ่มต้นเล่าถึงโชว์เพลงแรกให้ฟัง “แล้วต่อด้วยเพลงที่สอง เพลงใบ้คลั้ง เพลงนี้มีความไพเราะและมีความเป็นมาที่น่าสนใจ เพราะผู้ประพันธ์เพลงนี้คือครูช้อย สุนทรวาทิน ท่านเป็นครูดนตรีไทยคนสำคัญในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่นัยน์ตามองไม่เห็นมาตั้งแต่เด็ก...แถมเพลงนี้ยังแปลกที่มีตั้ง 3 หน้าทับ ประกอบด้วยหน้าทับสองไม้ หน้าทับปรบไก่และหน้าทับลาว......ส่วนเพลงที่สามถือว่าเป็นโชว์พิเศษเดี่ยวซอด้วงเพลงพญาโศก โดยครูเบญจรงค์ ธนโกเศศ ศิลปินแห่งชาติ ปีพุทธศักราช 2541 บรมครูซอวัย 93 ปี ที่ยังสีซอไพเราะจับใจ...ปิดท้ายโชว์ด้วยเพลงลา เดี่ยวจะเข้หมู่ 8 ตัว เพลงนกขมิ้นว่าดอก โดยใช้จะเข้เลียนเสียงร้อง ครับ คมสันต์ สุทนต์กล่าวปิดท้ายโชว์
ติดตามฟังเพลงหวานในรายการไทยโชว์ ตอน “ผสานเสน่ห์สายศิลป์” วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์เชิญม่วนอีหลี “บุญฮักษา” เชียงใหม่ อาทิตย์ 31 ตุลาคมนี้
ข่าวประชาสัมพันธ์ไทยโชว์
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เชิญม่วนอีหลีกับการแสดงดนตรีไทยพื้นบ้านอีสานร่วมสมัย วงบุญฮักษา กับศิลปินนานาชาติ ญี่ปุ่น เยอรมัน อเมริกันฯ ผู้มีวิญญาณความเป็นไทย ด้วยบทเพลงอีสานดั้งเดิม และสร้างสรรค์ใหม่ วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย
“ผมและพี่อัยย วีรานุกูล โปรดิวเซอร์ใหญ่รายการไทยโชว์ ได้รับการชักชวนให้ไปดูการแสดงวงดนตรีไทยพื้นบ้านอีสานแนวแจ๊สที่เมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการรวมตัวของศิลปินเด็กหนุ่มหล่อไฟแรงพื้นบ้านอีสานไทย ยอด-วรงค์ บุญอารีย์ และเพื่อนๆศิลปินนานาชาติ ญี่ปุ่น เยอรมัน อเมริกันฯ” คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เริ่มต้นเล่าเรื่องราวของบุญฮักษาให้ฟัง “เมื่อได้ไปดูด้วยตา ได้ฟังด้วยหูหลายๆเพลง อาทิ ลำเพลิน, เต้ย, กาเต้นก้อน, สุดสะแนนและฝนซาที่ป่ากล้วย เป็นต้น ทีมงานไทยโชว์ทุกคนก็ต้องยอมรับในฝีมือและความแปลกแตกต่างของมิติเสียงที่มีความเป็นสากล แต่ซุ้มเสียงสำเนียงและท่วงท่าจังหวะยังคงมีความเป็นไทยอีสาน”
“สิ่งสำคัญที่รายการไทยโชว์มุ่งเน้นนำเสนอไม่ใช่แค่ความร่วมสมัยของดนตรีพื้นบ้านไทยเท่านั้น แต่เราอยากสะท้อนให้เห็นว่า ดนตรีเป็นภาษาสากลจริงๆ คนทุกชาติทุกภาษาเล่นเพลงเดียวกันได้ เพียงแต่ขอให้เข้าใจรากฐานจิตวิญญาณ จังหวะ ท่วงทำนองความเป็นไทย และน่าจะสร้างกำลังใจให้ศิลปินคนรุ่นใหม่อีกหลายๆคน ให้กล้าคิด กล้าทำ และนำรากเหง้าศิลปะการแสดงไทย มาพัฒนาให้นานาชาติยอมรับให้ได้ครับ
ติดตามรายการไทยโชว์ ตอน บุญฮักษา วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เชิญม่วนอีหลีกับการแสดงดนตรีไทยพื้นบ้านอีสานร่วมสมัย วงบุญฮักษา กับศิลปินนานาชาติ ญี่ปุ่น เยอรมัน อเมริกันฯ ผู้มีวิญญาณความเป็นไทย ด้วยบทเพลงอีสานดั้งเดิม และสร้างสรรค์ใหม่ วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย
“ผมและพี่อัยย วีรานุกูล โปรดิวเซอร์ใหญ่รายการไทยโชว์ ได้รับการชักชวนให้ไปดูการแสดงวงดนตรีไทยพื้นบ้านอีสานแนวแจ๊สที่เมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการรวมตัวของศิลปินเด็กหนุ่มหล่อไฟแรงพื้นบ้านอีสานไทย ยอด-วรงค์ บุญอารีย์ และเพื่อนๆศิลปินนานาชาติ ญี่ปุ่น เยอรมัน อเมริกันฯ” คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เริ่มต้นเล่าเรื่องราวของบุญฮักษาให้ฟัง “เมื่อได้ไปดูด้วยตา ได้ฟังด้วยหูหลายๆเพลง อาทิ ลำเพลิน, เต้ย, กาเต้นก้อน, สุดสะแนนและฝนซาที่ป่ากล้วย เป็นต้น ทีมงานไทยโชว์ทุกคนก็ต้องยอมรับในฝีมือและความแปลกแตกต่างของมิติเสียงที่มีความเป็นสากล แต่ซุ้มเสียงสำเนียงและท่วงท่าจังหวะยังคงมีความเป็นไทยอีสาน”
“สิ่งสำคัญที่รายการไทยโชว์มุ่งเน้นนำเสนอไม่ใช่แค่ความร่วมสมัยของดนตรีพื้นบ้านไทยเท่านั้น แต่เราอยากสะท้อนให้เห็นว่า ดนตรีเป็นภาษาสากลจริงๆ คนทุกชาติทุกภาษาเล่นเพลงเดียวกันได้ เพียงแต่ขอให้เข้าใจรากฐานจิตวิญญาณ จังหวะ ท่วงทำนองความเป็นไทย และน่าจะสร้างกำลังใจให้ศิลปินคนรุ่นใหม่อีกหลายๆคน ให้กล้าคิด กล้าทำ และนำรากเหง้าศิลปะการแสดงไทย มาพัฒนาให้นานาชาติยอมรับให้ได้ครับ
ติดตามรายการไทยโชว์ ตอน บุญฮักษา วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2553
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์เชิญสนุกสนานกับการแสดง “เท่งตุ๊ก” อาทิตย์ 24 ตุลาคมนี้
ข่าวประชาสัมพันธ์ไทยโชว์
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เชิญสนุกสนานกับการแสดง “เท่งตุ๊ก” คณะส.บัวน้อย แหลมสิงห์ (เรื่องไชยเชษฐ์) และคณะจักรวาลมงคลศิลป์ ท่าใหม่ (เรื่องลักษณาวงศ์) วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย
“เท่งตุ๊ก เป็นการแสดงที่คล้ายกับ ละครชาตรี หรือละครแก้บนแถบจังหวัดภาคกลาง เพียงแต่แถวจันทบุรีและตราดจะเรียกว่า “เท่งตุ๊ก” ตามเสียงกลองที่ตีประกอบการแสดง เสียง เท่ง เป็นเสียงของกลองโทนชาตรี และเสียง ตุ๊ก เป็นเสียงของกลองตุ๊กนั่นเองครับ คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าให้ฟังถึงโชว์สัปดาห์นี้”
“คณะเท่งตุ๊กที่นำเสนอในรายการไทยโชว์ทั้งสองคณะมีความน่าสนใจต่างกันคือ คณะส.บัวน้อย แหลมสิงห์ (แสดงเรื่องไชยเชษฐ์) ของแม่ครูบุญเรือน สร้อยศรี จะยังคงอนุรักษ์ความดั้งเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น ส่วนคณะจักรวาลมงคลศิลป์ ท่าใหม่ (แสดงเรื่องลักษณาวงศ์) ของ อ.จักรวาล มงคลสุข จะมีนักแสดงที่เป็นหนุ่มสาวรุ่นใหม่จึงมีรูปแบบการแสดงที่ร่วมสมัยมากกว่าครับ”
ติดตามรายการไทยโชว์ ตอน เท่งตุ๊ก วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เชิญสนุกสนานกับการแสดง “เท่งตุ๊ก” คณะส.บัวน้อย แหลมสิงห์ (เรื่องไชยเชษฐ์) และคณะจักรวาลมงคลศิลป์ ท่าใหม่ (เรื่องลักษณาวงศ์) วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย
“เท่งตุ๊ก เป็นการแสดงที่คล้ายกับ ละครชาตรี หรือละครแก้บนแถบจังหวัดภาคกลาง เพียงแต่แถวจันทบุรีและตราดจะเรียกว่า “เท่งตุ๊ก” ตามเสียงกลองที่ตีประกอบการแสดง เสียง เท่ง เป็นเสียงของกลองโทนชาตรี และเสียง ตุ๊ก เป็นเสียงของกลองตุ๊กนั่นเองครับ คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าให้ฟังถึงโชว์สัปดาห์นี้”
“คณะเท่งตุ๊กที่นำเสนอในรายการไทยโชว์ทั้งสองคณะมีความน่าสนใจต่างกันคือ คณะส.บัวน้อย แหลมสิงห์ (แสดงเรื่องไชยเชษฐ์) ของแม่ครูบุญเรือน สร้อยศรี จะยังคงอนุรักษ์ความดั้งเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น ส่วนคณะจักรวาลมงคลศิลป์ ท่าใหม่ (แสดงเรื่องลักษณาวงศ์) ของ อ.จักรวาล มงคลสุข จะมีนักแสดงที่เป็นหนุ่มสาวรุ่นใหม่จึงมีรูปแบบการแสดงที่ร่วมสมัยมากกว่าครับ”
ติดตามรายการไทยโชว์ ตอน เท่งตุ๊ก วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2553
คมสันต์ สุทนต์พิธีกรไทยโชว์เชิญสัมผัสลมหนาวแรกของเชียงใหม่กับ “ซอแม่บัวซอน” 17 ตุลาคมนี้
ข่าวประชาสัมพันธ์ไทยโชว์
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เชิญสัมผัสลมหนาวแรกของเชียงใหม่กับ “ซอแม่บัวซอน” วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย
“ซอในที่นี้หมายถึง รูปแบบการร้องเพลงพื้นบ้านอย่างหนึ่งของล้านนานะครับ ไม่ใช่หมายเครื่องดนตรีไทยอย่างซอด้วง ซออู้ หรือซอสามสาย ซึ่งรายการไทยโชว์ได้เคยนำเสนอ “ซอยี่เป็งเมืองแพร่” มาแล้ว สำหรับครั้งนี้เป็นการนำเสนอซอในรูปแบบของเมืองเชียงใหม่ ที่นิยมขับซอ(ร้อง)คลอกับปี่จุมและซึง ..เพื่อสร้างบรรยากาศเหมือนสัมผัสลมหนาวแรกของเชียงใหม่ โดยได้เชิญคณะซอชื่อดัง แม่ครูบัวซอน ถนอมบุญ หรือในวงการซอจะรู้จักกันในนามของ แม่ครูบัวซอน เมืองพร้าว” คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์เปิดฉากเล่าการแสดงซอเชียงใหม่ในตอนนี้... “แม่ครูบัวซอน เป็นบรมครูช่างซอที่ได้รับการยอมรับในวงการซอล้านนา เท่าที่ผมได้ฟังได้สัมผัสด้วยตัวเอง สามารถรับรู้ได้ถึงซุ่มเสียงสูงหวานที่มีพลังและเนื้อหาบทซอ(เพลง)ที่ประพันธ์หรือด้นสดได้อย่างไพเราะลุ่มลึกกินใจครับ.. แม่ครูบัวซอนได้สร้างสรรค์ผลงานขับซอ/ประพันธ์บทซอไว้อย่างหลากหลายเล่าเรื่องประเพณีดีงามวิถีชีวิตของชาวล้านนา หรือแม้กระทั่งธรรมมะที่ยากๆก็นำมาอธิบายด้วยภาษาเมืองที่ง่ายต่อการเข้าใจ และที่สำคัญได้ถ่ายทอดความรู้กระบวนซอให้แก่ศิษย์มากมายหลายรุ่นอย่างไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อยครับ”
“รายการไทยโชว์ ตอนซอแม่บัวซอน คุณผู้ชมจะได้พูดคุยและฟังซอโบราณ อย่างซอคู่(ซอผาม), ซอเก็บนก, ละครซอเกี้ยวสาว, และซอร่วมสมัยอย่างซอสตริง(ซอซิ่ง) จากศิลปินซอชั้นครูหลายท่าน อาทิ แม่ครูบัวซอน เมืองพร้าว (ถนอมบุญ), พ่อครูจันทร์ตา (อินตา) เลาคำ, พ่อครูเรวัตร พรหมรักษ์ และแม่ครูบัวชุม จันทร์ทิพย์ เป็นต้น”
“ส่วนช่วงท้ายของรายการ ไทยโชว์จะพาไปกราบคาราวะพูดคุยกับบรมครูซอ แม่ครูจันทร์สม สายธารา ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงพื้นบ้าน-ขับซอ) ปีพ.ศ.2539 พร้อมฟังการสาธิตขับซอที่หาฟังได้ยากครับ” คมสันต์ สุทนต์ กล่าวทิ้งปิดท้ายโชว์
ติดตามรายการไทยโชว์ ตอน ซอแม่บัวซอน วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
วันอังคารที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2553
คมสันต์ สุทนต์ แห่งไทยโชว์เชิญชมสุดยอด หมอแคนอัจฉริยะ “สมบัติ สิมหล้า” วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคมนี้
ข่าวประชาสัมพันธ์ไทยโชว์
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เชิญชม หมอแคนอัจฉริยะ “สมบัติ สิมหล้า” One Man Show (วัน แมน โชว์) กับแคนลายพิสดาร...ลายรถไฟ, ลายแซ็กลำเพลิน, ลายหมาหยอกไก่, ลายใหญ่ -โชว์เป่าหมุนแคน 360 องศาฯลฯ วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย
“ในยุทธภพหมอแคน พ่อสมบัติ สิมหล้า ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น “เทพเจ้าหมอแคน”เป่าแคนคราใดเหมือนจะสะกดใจคนเสพให้หยุดนิ่งแล้วเคลิบเคลิ้มไปกับลายแคนนั้น บ้างก็ว่าเป็น “หมอแคนอัจฉริยะ”ด้วยลายแคนประดิษฐ์ใหม่ที่พิสดารล้ำลึกเกินกว่าที่คนธรรมดาจะเสกสรรปั้นแต่งได้…”
“สุดแต่ว่าเราจะมองมุมไหน แต่สำหรับพ่อสมบัติมองเราไม่เห็นครับ ไม่ว่าจะมุมไหน? แต่ท่านสัมผัสเราได้ด้วยตาภายใน พ่อสมบัติบอกว่า “ตาภายนอกมืดบอดมองไม่เห็น แต่ตาภายในใสสว่าง” คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เริ่มต้นเล่าเรื่องราวของพ่อสมบัติ สิมหล้าให้ฟัง
“ชื่อเสียงการเป่าแคนของพ่อสมบัติโด่งดังมานานหลายสิบปี เริ่มตั้งแต่ชนะเลิศการประกวดแคนแดนอีสานด้วยลายแคนพิสดารพันลึก ชนะใจคนดูและกรรมการ.. เป็นหนึ่งในศิลปินรับเชิญ วงฟองน้ำ วงดนตรีร่วมสมัยชั้นครู ที่ตระเวนโชว์มาแล้วทั่วโลก.. หรือเป็นครูสอนลายแคนให้บุคคลที่มีชื่อเสียงมากหน้าหลายตา ร่วมงานกับศิลปินหมอลำชื่อดังและศิลปินทุกแนวกันนับไม่ถ้วน...
ผมและทีมงานไทยโชว์ได้เดินทางไปอำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม ที่บ้านพ่อสมบัติเพื่อถ่ายทำพูดคุยถึงชีวิตความเป็นอยู่ ในบรรยากาศสดใสของท้องทุ่งนาที่มองเห็นสุดลูกหูลูกตา และเชื้อเชิญพ่อสมบัติให้มาโชว์ แบบ One Man Show (วัน แมน โชว์) ถือว่าเป็นโชว์เดี่ยวหมอแคนเต็มรูปแบบครั้งแรกของรายการไทยโชว์
.. เริ่มจาก ลายใหญ่ -โชว์เป่าหมุนแคน 360 องศา, ลายน้อย, ลายรถไฟ-ลายที่สร้างชื่อเสียงร่วมกับศิลปินวง “ฟองน้ำ” ในมิติความแปลกร่วมสมัย, ลายวัวขึ้นภู, ลายแซ็กลำเพลิน-เป่าแคนเลียนแบบเสียงแซกโซโฟน, ลายสุดสายแนน (สุดสะแนน),ลายแคนพิสดาร หมาหยอกไก่, ลายลำเพลิน, ลายเต้ยโขง-เป่าแคนคู่กับน้องแคนลูกสาวคนเดียวของพ่อสมบัติ, โชว์เป่าโหวต ลายอีสานเขียว และแถมท้ายเป่าแคนกับหมอลำรับเชิญแม่บัวพัน สนั่นเมือง ลำนิทานเรื่อง นกกระจิบ นกกระจอก (นกกระจาบ)
“นอกจากความอัจฉริยะที่เราเห็นได้จากการแสดงโชว์ของพ่อสมบัติแล้ว ...ผมยังได้เห็นการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย สมถะ เมื่อได้ค่าตัวมาทุกบาททุกสตางค์จะให้ลูกให้เมียทั้งหมด มีคำพูดหนึ่งที่ทั้งกินใจและสะเทือนใจผม “ไม่เป็นไรพ่ออดได้ ขอให้ลูกเมียพ่อมีกิน แค่นี้พ่อก็ดีใจ” นี่คือพ่อผู้นำครอบครัวที่เป็นตัวอย่างดีๆ ให้กับผู้คนในสังคม แม้จะมองไม่เห็น แต่มองโลกในแง่ดี รื่นเริงร่ำรวยอารมณ์ขัน สร้างสรรค์ลายแคนพิสดาร ผลงานใหม่ๆ มาประดับโลกอย่างต่อเนื่องทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ…”
“สมบัติ สิมหล้า คงไม่ใช่แค่สมบัติของคนไทย แต่เป็นสมบัติของคนทั้งโลก ท่านคืออนุสาวรีย์คนเป่าแคนที่เคลื่อนไหวได้ เป็นตำนานหมอแคนอัจฉริยะที่ยังมีเลือดเนื้อและลมหายใจครับ......” คมสันต์ สุทนต์ กล่าวปิดท้ายอย่างซาบซึ้งใจ
ติดตามรายการไทยโชว์ ตอน หมอแคนอัจฉริยะ “สมบัติ สิมหล้า” วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เชิญชม หมอแคนอัจฉริยะ “สมบัติ สิมหล้า” One Man Show (วัน แมน โชว์) กับแคนลายพิสดาร...ลายรถไฟ, ลายแซ็กลำเพลิน, ลายหมาหยอกไก่, ลายใหญ่ -โชว์เป่าหมุนแคน 360 องศาฯลฯ วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย
“ในยุทธภพหมอแคน พ่อสมบัติ สิมหล้า ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น “เทพเจ้าหมอแคน”เป่าแคนคราใดเหมือนจะสะกดใจคนเสพให้หยุดนิ่งแล้วเคลิบเคลิ้มไปกับลายแคนนั้น บ้างก็ว่าเป็น “หมอแคนอัจฉริยะ”ด้วยลายแคนประดิษฐ์ใหม่ที่พิสดารล้ำลึกเกินกว่าที่คนธรรมดาจะเสกสรรปั้นแต่งได้…”
“สุดแต่ว่าเราจะมองมุมไหน แต่สำหรับพ่อสมบัติมองเราไม่เห็นครับ ไม่ว่าจะมุมไหน? แต่ท่านสัมผัสเราได้ด้วยตาภายใน พ่อสมบัติบอกว่า “ตาภายนอกมืดบอดมองไม่เห็น แต่ตาภายในใสสว่าง” คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เริ่มต้นเล่าเรื่องราวของพ่อสมบัติ สิมหล้าให้ฟัง
“ชื่อเสียงการเป่าแคนของพ่อสมบัติโด่งดังมานานหลายสิบปี เริ่มตั้งแต่ชนะเลิศการประกวดแคนแดนอีสานด้วยลายแคนพิสดารพันลึก ชนะใจคนดูและกรรมการ.. เป็นหนึ่งในศิลปินรับเชิญ วงฟองน้ำ วงดนตรีร่วมสมัยชั้นครู ที่ตระเวนโชว์มาแล้วทั่วโลก.. หรือเป็นครูสอนลายแคนให้บุคคลที่มีชื่อเสียงมากหน้าหลายตา ร่วมงานกับศิลปินหมอลำชื่อดังและศิลปินทุกแนวกันนับไม่ถ้วน...
ผมและทีมงานไทยโชว์ได้เดินทางไปอำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม ที่บ้านพ่อสมบัติเพื่อถ่ายทำพูดคุยถึงชีวิตความเป็นอยู่ ในบรรยากาศสดใสของท้องทุ่งนาที่มองเห็นสุดลูกหูลูกตา และเชื้อเชิญพ่อสมบัติให้มาโชว์ แบบ One Man Show (วัน แมน โชว์) ถือว่าเป็นโชว์เดี่ยวหมอแคนเต็มรูปแบบครั้งแรกของรายการไทยโชว์
.. เริ่มจาก ลายใหญ่ -โชว์เป่าหมุนแคน 360 องศา, ลายน้อย, ลายรถไฟ-ลายที่สร้างชื่อเสียงร่วมกับศิลปินวง “ฟองน้ำ” ในมิติความแปลกร่วมสมัย, ลายวัวขึ้นภู, ลายแซ็กลำเพลิน-เป่าแคนเลียนแบบเสียงแซกโซโฟน, ลายสุดสายแนน (สุดสะแนน),ลายแคนพิสดาร หมาหยอกไก่, ลายลำเพลิน, ลายเต้ยโขง-เป่าแคนคู่กับน้องแคนลูกสาวคนเดียวของพ่อสมบัติ, โชว์เป่าโหวต ลายอีสานเขียว และแถมท้ายเป่าแคนกับหมอลำรับเชิญแม่บัวพัน สนั่นเมือง ลำนิทานเรื่อง นกกระจิบ นกกระจอก (นกกระจาบ)
“นอกจากความอัจฉริยะที่เราเห็นได้จากการแสดงโชว์ของพ่อสมบัติแล้ว ...ผมยังได้เห็นการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย สมถะ เมื่อได้ค่าตัวมาทุกบาททุกสตางค์จะให้ลูกให้เมียทั้งหมด มีคำพูดหนึ่งที่ทั้งกินใจและสะเทือนใจผม “ไม่เป็นไรพ่ออดได้ ขอให้ลูกเมียพ่อมีกิน แค่นี้พ่อก็ดีใจ” นี่คือพ่อผู้นำครอบครัวที่เป็นตัวอย่างดีๆ ให้กับผู้คนในสังคม แม้จะมองไม่เห็น แต่มองโลกในแง่ดี รื่นเริงร่ำรวยอารมณ์ขัน สร้างสรรค์ลายแคนพิสดาร ผลงานใหม่ๆ มาประดับโลกอย่างต่อเนื่องทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ…”
“สมบัติ สิมหล้า คงไม่ใช่แค่สมบัติของคนไทย แต่เป็นสมบัติของคนทั้งโลก ท่านคืออนุสาวรีย์คนเป่าแคนที่เคลื่อนไหวได้ เป็นตำนานหมอแคนอัจฉริยะที่ยังมีเลือดเนื้อและลมหายใจครับ......” คมสันต์ สุทนต์ กล่าวปิดท้ายอย่างซาบซึ้งใจ
ติดตามรายการไทยโชว์ ตอน หมอแคนอัจฉริยะ “สมบัติ สิมหล้า” วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์เชิญสดับ คีตกรรมหลังความตาย “รำสวด” อาทิตย์ที่ 3 ตุลาคมนี้



คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เชิญสดับคีตกรรมหลังความตาย“รำสวด”ในแบบฉบับร่วมสมัย และระบำควนคราบุรี วิทยาลัยนาฏศิลป จันทบุรี วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย
“รำสวด เป็นการแสดงที่ยังนิยมเล่นกันแถวจังหวัดตราดและจันทบุรี จริงๆแล้วเป็นการละเล่นในงานอวมงคล มีลักษณะคล้ายกับ สวดมาลัย สวดคฤหัสถ์ แถบจังหวัดภาคกลางที่ยังพอมีให้เห็นได้น้อยเต็มที..คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์เริ่มต้นเล่าเรื่องราวของศิลปะการแสดงคีตกรรมหลังความตายให้ฟัง
..แต่สำหรับรำสวดคณะวิชัยราชันย์ อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ที่ไทยโชว์นำเสนอ ถือว่าเป็นรำสวดของวัยรุ่น มีความร่วมสมัย โดดเด่น ทุกคนแต่งกายดูภูมิฐาน ร้องเสียงแน่นขยันร้องกันทุกคน โดยรูปแบบพิธีกรรมการแสดงเริ่มตั้งแต่ไหว้ครู เข้าเรื่องแนะนำของดีเมืองจันทบุรี ควบเรื่องชาละวัน-ไกรทอง ตอน ชาละวันออกจากถ้ำ จนจบส่งพระมาลัย ก็ยังคงรักษาไว้อย่างดั้งเดิม รวมถึงรูปแบบการแสดงก็ไม่เคร่งขรึม น่าสะพรึงกลัวเหมือนบางแห่งที่ผมเคยเห็นตอนเด็กๆครับ”
“มีระบำของวิทยาลัยนาฏศิลป จันทบุรี ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่อีกชุดหนึ่ง ที่ดึงเอาจังหวะสนุกเร้าใจของรำสวดมาใช้ประกอบการร่ายรำ..นั่นคือระบำควนคราบุรี ศิลปะการแสดงชุดนี้ได้ประดิษฐ์ขึ้นโดยศึกษาจากหนังสือประวัติศาสตร์เมืองจันทบุรี และรูปจำหลักศิลปะสมัยขอม หนังสือประวัติศาสตร์การแต่งกายโบราณคดี และจินตนาการ เป็นการแสดงให้เห็นถึงชาวควนคราบุรี ซึ่งต่างฐานะกันมีทั้งชายและหญิงได้มาร่วมเริงระบำเพื่อบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่นับถือ การแต่งกายของ ระบำควนคราบุรี นำมาจากการแต่งกายสมัยขอม ทำนองเพลงมีสำเนียงเขมร และจังหวะของการละเล่นรำสวด ซึ่งชาวพื้นเมืองจังหวัดจันทบุรีและตราดนิยมเล่นกันครับ”
ติดตามรายการไทยโชว์ ตอน รำสวด วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
“รำสวด เป็นการแสดงที่ยังนิยมเล่นกันแถวจังหวัดตราดและจันทบุรี จริงๆแล้วเป็นการละเล่นในงานอวมงคล มีลักษณะคล้ายกับ สวดมาลัย สวดคฤหัสถ์ แถบจังหวัดภาคกลางที่ยังพอมีให้เห็นได้น้อยเต็มที..คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์เริ่มต้นเล่าเรื่องราวของศิลปะการแสดงคีตกรรมหลังความตายให้ฟัง
..แต่สำหรับรำสวดคณะวิชัยราชันย์ อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ที่ไทยโชว์นำเสนอ ถือว่าเป็นรำสวดของวัยรุ่น มีความร่วมสมัย โดดเด่น ทุกคนแต่งกายดูภูมิฐาน ร้องเสียงแน่นขยันร้องกันทุกคน โดยรูปแบบพิธีกรรมการแสดงเริ่มตั้งแต่ไหว้ครู เข้าเรื่องแนะนำของดีเมืองจันทบุรี ควบเรื่องชาละวัน-ไกรทอง ตอน ชาละวันออกจากถ้ำ จนจบส่งพระมาลัย ก็ยังคงรักษาไว้อย่างดั้งเดิม รวมถึงรูปแบบการแสดงก็ไม่เคร่งขรึม น่าสะพรึงกลัวเหมือนบางแห่งที่ผมเคยเห็นตอนเด็กๆครับ”
“มีระบำของวิทยาลัยนาฏศิลป จันทบุรี ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่อีกชุดหนึ่ง ที่ดึงเอาจังหวะสนุกเร้าใจของรำสวดมาใช้ประกอบการร่ายรำ..นั่นคือระบำควนคราบุรี ศิลปะการแสดงชุดนี้ได้ประดิษฐ์ขึ้นโดยศึกษาจากหนังสือประวัติศาสตร์เมืองจันทบุรี และรูปจำหลักศิลปะสมัยขอม หนังสือประวัติศาสตร์การแต่งกายโบราณคดี และจินตนาการ เป็นการแสดงให้เห็นถึงชาวควนคราบุรี ซึ่งต่างฐานะกันมีทั้งชายและหญิงได้มาร่วมเริงระบำเพื่อบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่นับถือ การแต่งกายของ ระบำควนคราบุรี นำมาจากการแต่งกายสมัยขอม ทำนองเพลงมีสำเนียงเขมร และจังหวะของการละเล่นรำสวด ซึ่งชาวพื้นเมืองจังหวัดจันทบุรีและตราดนิยมเล่นกันครับ”
ติดตามรายการไทยโชว์ ตอน รำสวด วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เชิญชมหมอลำมหาบัณฑิต แม่ราตรี ศรีวิไล ต้นตำหรับหมอลำซิ่ง และศิลปินรับเชิญบรมครูหมอลำ พ่อครูเคน ดาหลา ศิลปินแห่ง
ข่าวประชาสัมพันธ์ไทยโชว์
คมสันต์ ไทยโชว์เชิญชม หมอลำมหาบัณฑิต แม่ราตรี ศรีวิไล ต้นตำหรับหมอลำซิ่ง อาทิตย์ที่ 26 กันยายนนี้
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เชิญชมหมอลำมหาบัณฑิต แม่ราตรี ศรีวิไล ต้นตำหรับหมอลำซิ่ง และศิลปินรับเชิญบรมครูหมอลำ พ่อครูเคน ดาหลา ศิลปินแห่งชาติ ในรายการไทยโชว์ วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย
“แม่ครูราตรี ศรีวิไล ถือว่าเป็นต้นตำหรับ หมอลำซิ่ง ที่แตกแขนงได้รับความนิยมเล่นกันทั่วทุกจังหวัดภาคอีสานในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการพัฒนารูปแบบการแสดงหมอลำแบบดั้งเดิมให้มีความร่วมสมัย เอาใจคนดูรุ่นใหม่ ด้วยการเพิ่มสีสันดนตรีสากลผสมดนตรีอีสาน และมีเหล่าแดนเซอร์เต้นรำประกอบโชว์ สร้างความสนุกสนานครึกครื้น” คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าเรื่องราวของโชว์ตอนนี้ให้ฟังอย่างออกรสชาติ “แต่ถ้าเป็นหมอลำซิ่งแบบต้นตำหรับแม่ครูราตรี จริงๆ จะเน้นรูปแบบการร้องหมอลำแบบเดิม ส่วนการแต่งกาย หรือท่าเต้นของแดนเซอร์ก็จะเน้นอนุรักษ์นิยมแบบพื้นบ้าน แต่งกายรัดกุมสุภาพเรียบร้อย ไม่แต่งตัววับๆแวมๆหรือเต้นยั่วเย้า เวลาออกแสดงจึงไม่ค่อยมีปัญหาเหมือนหมอลำซิ่งอื่นๆ ที่มักเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เรื่องทะเลาะวิวาทกันครับ”
สิ่งสำคัญที่รายการไทยโชว์นำเสนอในตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องราวของหมอลำซิ่งเท่านั้น เพราะแม่ครูราตรี
เป็นต้นแบบยิ่งใหญ่ของศิลปินพื้นบ้าน เพราะท่านมีความมุ่งมั่นศึกษาต่อระดับปริญญาโท ด้านดนตรี(หมอลำ)ที่มหาวิทยาลัยมหาสารคามด้วยตนเองจนใกล้จบแล้ว และมีโครงการจะศึกษาต่อระดับปริญญาเอก นั่นหมายความว่า เมืองไทยของเราจะมี ด็อกเตอร์หมอลำคนแรก ในไม่กี่ปีข้างหน้านี้ครับ
“...ไทยโชว์ตอนนี้ยังได้รับเกียรติจากพ่อครูเคน ดาหลา ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ปีพ.ศ. 2534 บรมครูหมอลำที่มาเป็นแขกรับเชิญร่วมโชว์ ลำพื้น ลำกลอนทางสั้น ลำล่องยาว ลำเต้ย.. กับศิษย์รักแม่ราตรี ศรีวิไล ...” คมสันต์ พูดปิดท้ายโชว์
ติดตามรายการไทยโชว์ ตอน หมอลำมหาบัณฑิต อาทิตย์ที่ 26 กันยายน 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553
วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553
คมสันต์ สุทนต์ ไทยโชว์ เชิญสัมผัสกลิ่นอายชนบทกับ ทำนองไทยในลูกทุ่ง อาทิตย์ที่ 29 สิงหาคมนี้
ข่าวประชาสัมพันธ์ไทยโชว์
คมสันต์ ไทยโชว์ เชิญสัมผัสกลิ่นอายชนบทกับ ทำนองไทยในลูกทุ่ง อาทิตย์ที่ 29 สิงหาคมนี้
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เชิญสัมผัสกลิ่นอายของชนบทผ่านท่วงทำนองเพลงไทยเดิม ที่ครูเพลงนำมาสร้างสรรค์ประพันธ์เนื้อร้องทำนองเต็ม จนกลายมาเป็นเพลงลูกทุ่งอมตะตลอดกาล ในรายการไทยโชว์ ตอน ทำนองไทยในลูกทุ่ง วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าให้ฟังว่า
มีเพลงลูกทุ่งดังๆ ทั้งในอดีตและปัจจุบันมากมายหลายเพลงครับ ที่ศิลปินครูเพลงหยิบเอาทำนองเพลงไทยเดิมมาใส่เนื้อร้องทำนองเต็ม ถือเป็นพัฒนาการอีกขั้นหนึ่งของเพลงไทย ที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างตั้งแต่ประมาณปีพ.ศ.2507
เนื้อหาของบทเพลงลูกทุ่งมักจะเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ใสซื่อจริงใจและบรรยากาศท้องไร่ท้องนาในชนบท จนมาถึงในปัจจุบันเนื้อหาของเพลงลูกทุ่งมีความหลากหลายไม่ต่างจากเพลงไทยสมัยนิยมประเภทอื่นๆ แต่สิ่งที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ไม่แปรเปลี่ยนก็คือ ซุ่มเสียงสำเนียงการร้องการเอื้อนเอ่ยลูกคอกระดกห้าหกชั้นของนักร้อง ที่ฟังอย่างไรก็รู้ว่าเป็นเพลงลูกทุ่งครับ
ในความคิดเห็นของผมเองมองว่า ทำนองเพลงไทยเป็นอะไหล่สำคัญที่ครูเพลงท่านสามารถหยิบจับไปใส่เนื้อร้องได้ทันที และง่ายต่อการสื่อสารกับผู้ฟังเพราะมีทำนองคุ้นหู..ไม่ว่าจะเป็นเพลงลาวเสี่ยงเทียน, พม่าแปลง,ดาวทอง, โศกพม่า, ลาวลำปาง, แขกขาว, แขกปัตตานี, สร้อยสนตัด, บังใบ, สีนวล, ลาวกระทบไม้, ทยอยญวน...ซึ่งรายการไทยโชว์ได้เลือกคัดสรรเพลงลูกทุ่งที่มีทำนองเพลงไทยเดิม บางเพลงมานำเสนอเพื่อเป็นกรณีศึกษากับเยาวชนคนรุ่นใหม่ครับ
คมสันต์ สุทนต์ เชิญชวนปิดท้ายว่า
สำหรับคุณผู้ชมรายการไทยโชว์ที่เป็นคอเพลงลูกทุ่งต้องไม่พลาดตอนนี้นะครับ เพราะหลังจบรายการ เราอยากให้คุณผู้ชม มีส่วนร่วมแนะนำผ่านทางอีเมล thaishow@thaipbs.or.th ว่ายังมีเพลงลูกทุ่ง หรือเพลงสมัยนิยมเพลงไหนอีก ที่มีทำนองเป็นเพลงไทยเดิม ...เราจะได้รีบคัดสรรนำเพลงเหล่านั้นมาสร้างโชว์ต่อไปครับ
ชมรายการไทยโชว์ ตอน ทำนองไทยในลูกทุ่ง วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เชิญชมสองศิลปะป้องกันตัว มวยกาหยง ชาวเล และกระบี่กระบองไทยมุสลิม อาทิตย์ที่ 22 สิงหาคมนี้



ข่าวประชาสัมพันธ์ไทยโชว์
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เชิญชมศิลปะป้องกันตัว มวยกาหยง ของชาวเล หาดราไวย์ จังหวัดภูเก็ต และ กระบี่กระบอง สายไทยมุสลิม อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ในรายการไทยโชว์ ตอน มวยกาหยง วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าถึงโชว์ สองศิลปะป้องกันตัว ในตอนนี้ให้ฟังว่า
มวยกาหยง หรือ กาหยก เป็นศิลปะการแสดงป้องกันตัวของชาวเล หาดราไวย์ จังหวัดภูเก็ต ที่นิยมเล่นในงานแก้บน, งานไหว้ครู, ประเพณีประจำปีและเล่นเฉพาะกิจเพื่อสาธิตให้ผู้สนใจได้ชมบางครั้งบางคราว หากดูตามลักษณะท่าทางการร่ายรำหรือลีลาการต่อสู้ด้วยการใช้มือปัดป้อง, ทัดมือ, รำเปิด, นั่งยองๆ(พร้อมรับ), ศอก, เข่า, ต่อยฯ และเครื่องดนตรีประกอบการแสดงอย่าง กลองทน(กลองมลายู), ปี่กาหยก(ปัจจุบันขาดคนเป่า), แกระ, โหม่ง” ก็น่าจะมีรากฐานมาจาก สิละ หรือ บือดีกา ศิลปะการต่อสู้ไทยมุสลิมถิ่นมลายู แต่ได้สร้างสรรค์พัฒนาจนมีแบบแผนเฉพาะถิ่นชาวเล โดยจะเริ่มจากการแสดง ลากูสะมะกูรู (จังหวะไหว้ครู), อูรักตูฮ่า กาหยกดูรู (ให้ผู้ใหญ่เล่นกาหยงก่อน), บีโก๊ะ นาน๊ะ กาหยกปูรัก (เด็กเล่นกาหยงทีหลัง), กานูก้า กาหยกลากู (กาหยงจังหวะสนุก เลียนแบบลีลาของหอยที่ชื่อว่า กานูก้า),และปิดท้ายด้วย ลากูสะมะกูรู ซูดาดะ (จังหวะเลิกเล่น-ลาครู)
ส่วนกระบี่กระบอง สายไทยมุสลิม พระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นศิลปะการแสดงป้องกันตัวที่ดูแล้วสนุกสนานตื่นเต้นเร้าใจ เล่นจริงเจ็บจริงๆ จากการพูดคุยกับศิลปินและชมอาวุธโบราณเช่น กริช กระบี่ เชื่อว่าน่าจะมีการเล่นสืบทอดกันมานับร้อยๆปีในถิ่นพระประแดงนี้ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง ศิลปะป้องกันตัว “กระบี่ กระบอง พลองสั้น-ยาว ดาบ ง้าวฯ” แบบไทยภาคกลาง เหมือนอย่างศิลปะป้องกันตัวของสำนักดาบพุทไธสวรรย์ ที่รายการไทยโชว์เคยนำเสนอไปแล้ว ผสมผสานกับศิลปะการต่อสู้ไทยมุสลิมถิ่นมลายู ที่คุณผู้ชมสามารถสังเกตได้จาก การรำกริช ช่วงท้ายการแสดง ซึ่งเหมือนกับ สิละกายอ (กริช) เป็นการร่ายรำที่เน้นโชว์ไม่ได้ต่อสู้กันจริงๆและมักนิยมเล่นในเวลากลางคืนเช่นกันครับ
คมสันต์ สุทนต์ เล่าปิดท้ายการแสดงศิลปะป้องกันตัวในครั้งนี้ว่า
ความน่าสนใจของทั้งสองศิลปะการแสดงป้องกันตัวนี้ก็คือ มีรากฐานมาจากวัฒนธรรมมลายูเหมือนกัน และได้สร้างสรรค์พัฒนาศิลปะมาเป็นแบบฉบับของท้องถิ่นตนเองอย่างลงตัวจริงๆครับ
ติดตามรายการไทยโชว์ ตอน มวยกาหยง วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เชิญชมศิลปะป้องกันตัว มวยกาหยง ของชาวเล หาดราไวย์ จังหวัดภูเก็ต และ กระบี่กระบอง สายไทยมุสลิม อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ในรายการไทยโชว์ ตอน มวยกาหยง วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าถึงโชว์ สองศิลปะป้องกันตัว ในตอนนี้ให้ฟังว่า
มวยกาหยง หรือ กาหยก เป็นศิลปะการแสดงป้องกันตัวของชาวเล หาดราไวย์ จังหวัดภูเก็ต ที่นิยมเล่นในงานแก้บน, งานไหว้ครู, ประเพณีประจำปีและเล่นเฉพาะกิจเพื่อสาธิตให้ผู้สนใจได้ชมบางครั้งบางคราว หากดูตามลักษณะท่าทางการร่ายรำหรือลีลาการต่อสู้ด้วยการใช้มือปัดป้อง, ทัดมือ, รำเปิด, นั่งยองๆ(พร้อมรับ), ศอก, เข่า, ต่อยฯ และเครื่องดนตรีประกอบการแสดงอย่าง กลองทน(กลองมลายู), ปี่กาหยก(ปัจจุบันขาดคนเป่า), แกระ, โหม่ง” ก็น่าจะมีรากฐานมาจาก สิละ หรือ บือดีกา ศิลปะการต่อสู้ไทยมุสลิมถิ่นมลายู แต่ได้สร้างสรรค์พัฒนาจนมีแบบแผนเฉพาะถิ่นชาวเล โดยจะเริ่มจากการแสดง ลากูสะมะกูรู (จังหวะไหว้ครู), อูรักตูฮ่า กาหยกดูรู (ให้ผู้ใหญ่เล่นกาหยงก่อน), บีโก๊ะ นาน๊ะ กาหยกปูรัก (เด็กเล่นกาหยงทีหลัง), กานูก้า กาหยกลากู (กาหยงจังหวะสนุก เลียนแบบลีลาของหอยที่ชื่อว่า กานูก้า),และปิดท้ายด้วย ลากูสะมะกูรู ซูดาดะ (จังหวะเลิกเล่น-ลาครู)
ส่วนกระบี่กระบอง สายไทยมุสลิม พระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นศิลปะการแสดงป้องกันตัวที่ดูแล้วสนุกสนานตื่นเต้นเร้าใจ เล่นจริงเจ็บจริงๆ จากการพูดคุยกับศิลปินและชมอาวุธโบราณเช่น กริช กระบี่ เชื่อว่าน่าจะมีการเล่นสืบทอดกันมานับร้อยๆปีในถิ่นพระประแดงนี้ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง ศิลปะป้องกันตัว “กระบี่ กระบอง พลองสั้น-ยาว ดาบ ง้าวฯ” แบบไทยภาคกลาง เหมือนอย่างศิลปะป้องกันตัวของสำนักดาบพุทไธสวรรย์ ที่รายการไทยโชว์เคยนำเสนอไปแล้ว ผสมผสานกับศิลปะการต่อสู้ไทยมุสลิมถิ่นมลายู ที่คุณผู้ชมสามารถสังเกตได้จาก การรำกริช ช่วงท้ายการแสดง ซึ่งเหมือนกับ สิละกายอ (กริช) เป็นการร่ายรำที่เน้นโชว์ไม่ได้ต่อสู้กันจริงๆและมักนิยมเล่นในเวลากลางคืนเช่นกันครับ
คมสันต์ สุทนต์ เล่าปิดท้ายการแสดงศิลปะป้องกันตัวในครั้งนี้ว่า
ความน่าสนใจของทั้งสองศิลปะการแสดงป้องกันตัวนี้ก็คือ มีรากฐานมาจากวัฒนธรรมมลายูเหมือนกัน และได้สร้างสรรค์พัฒนาศิลปะมาเป็นแบบฉบับของท้องถิ่นตนเองอย่างลงตัวจริงๆครับ
ติดตามรายการไทยโชว์ ตอน มวยกาหยง วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2553
คมสันต์ ไทยโชว์ เชิญดื่มด่ำ ดอกไม้อันดามัน “ตันหยง” วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคมนี้
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เชิญดื่มด่ำกับความงามของ ดอกไม้อันดามัน “ตันหยง” สามถิ่นฐาน ...ตันหยงป่าคลอก ภูเก็ต “ดอกไม้ที่มองไม่เห็น” ...ตันหยงกระบุรี ระนอง “ดอกไม้แห่งความศรัทธา” และตันหยงเมืองหงาว “ดอกไม้พลัดถิ่น” ในรายการไทยโชว์ วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย
คมสันต์ สุทนต์ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าถึงความงามของบทเพลงตันหยงในตอนนี้ให้ฟังว่า
ตันหยง หรือบางทีก็เรียก รองแง็งตันหยง เป็นศิลปะการแสดงพื้นบ้านของชาวไทยมุสลิม ภาคใต้แถบชายฝั่งทะเลตะวันตก ซึ่งนิยมเล่นกันทั้งชาวไทยมุสลิมและชาวไทยพุทธใน จังหวัดกระบี่ ตรัง พังงา ระนองและภูเก็ต ลักษณะการแสดงเป็นศิลปะที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมพื้นบ้านภาคใต้กับวัฒนธรรมมลายูครับ
สำหรับไทยโชว์ตอนนี้ นำเสนอสามเรื่องราวชีวิต สามถิ่นฐานที่เล่าผ่านความรื่นรมย์ของท่วงทำนองเพลงตันหยง เริ่มจาก “ดอกไม้ที่มองไม่เห็น”...ตันหยงบ้านป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เรื่องราวในบทเพลงหวานโรแมนติกของ ป๊ะสัน ชำนินา ชายชราอารมณ์ดีที่ดวงตามองไม่เห็นอะไร หลังจากเหตุการณ์คลื่นซึนามิผ่านพ้นไป
ดอกไม้ถิ่นที่สอง “ดอกไม้แห่งศรัทธา” ...ตันหยงกระบุรี ระนอง ป้าป่าน แสงแก้ว หญิงสูงวัยที่ต้องสืบทอดมรดกจากพ่อ ใช้เพลงตันหยง รักษาโรคภัยไข้เจ็บที่หมอปัจจุบันไม่รับรักษา
และดอกไม้ถิ่นสุดท้าย “ดอกไม้พลัดถิ่น” บ้านหงาว ระนอง ม๊ะทม สินสุวรรณ ศิลปินนักสู้ใช้บทเพลงเป็นสื่อกลางให้ความหวัง กำลังใจกับพี่น้องไทยพลัดถิ่น
คมสันต์ สุทนต์ เล่าถึงท้ายโชว์ ดอกไม้งามสามถิ่นฐาน ในครั้งนี้ว่า
นอกจากคุณผู้ชมจะได้เพลิดเพลินมีความสุขไปกับบทเพลงตันหยงแล้ว เชื่อว่าคงได้แง่คิดการใช้ชีวิตของศิลปินทั้งสามถิ่น ...ป๊ะสันแห่งบ้านป่าคลอก ต้องต่อสู้กับชีวิตอย่างไรหลังประสบภัยพิบัติซึนามิ...ป้าป่าน แห่งกระบุรี ผู้มีศรัทธาในการสืบสานพิธีกรรมความเชื่อดั้งเดิม...ม๊ะทมแห่งหงาว ใช้เพลงเพื่อต่อสู้ช่วยเหลือพี่น้องผู้พลัดถิ่น
ดอกไม้อันดามัน ตันหยง ทั้งสามถิ่นฐาน มีความงามข้างในที่ใสบริสุทธิ์ รอให้คุณได้ดื่มด่ำพร้อมกันครับ
ติดตามรายการไทยโชว์ ตอน ดอกไม้อันดามัน “ตันหยง”” วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
คมสันต์ ไทยโชว์ เชิญดื่มด่ำ ดอกไม้อันดามัน “ตันหยง” อาทิตย์ที่ 15 สิงหาคมนี้
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เชิญดื่มด่ำกับความงามของ ดอกไม้อันดามัน “ตันหยง” สามถิ่นฐาน ...ตันหยงป่าคลอก ภูเก็ต “ดอกไม้ที่มองไม่เห็น” ...ตันหยงกระบุรี ระนอง “ดอกไม้แห่งความศรัทธา” และตันหยงเมืองหงาว “ดอกไม้พลัดถิ่น” ในรายการไทยโชว์ วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย
คมสันต์ สุทนต์ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าถึงความงามของบทเพลงตันหยงในตอนนี้ให้ฟังว่า
ตันหยง หรือบางทีก็เรียก รองแง็งตันหยง เป็นศิลปะการแสดงพื้นบ้านของชาวไทยมุสลิม ภาคใต้แถบชายฝั่งทะเลตะวันตก ซึ่งนิยมเล่นกันทั้งชาวไทยมุสลิมและชาวไทยพุทธใน จังหวัดกระบี่ ตรัง พังงา ระนองและภูเก็ต ลักษณะการแสดงเป็นศิลปะที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมพื้นบ้านภาคใต้กับวัฒนธรรมมลายูครับ
สำหรับไทยโชว์ตอนนี้ นำเสนอสามเรื่องราวชีวิต สามถิ่นฐานที่เล่าผ่านความรื่นรมย์ของท่วงทำนองเพลงตันหยง เริ่มจาก “ดอกไม้ที่มองไม่เห็น”...ตันหยงบ้านป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เรื่องราวในบทเพลงหวานโรแมนติกของ ป๊ะสัน ชำนินา ชายชราอารมณ์ดีที่ดวงตามองไม่เห็นอะไร หลังจากเหตุการณ์คลื่นซึนามิผ่านพ้นไป
ดอกไม้ถิ่นที่สอง “ดอกไม้แห่งศรัทธา” ...ตันหยงกระบุรี ระนอง ป้าป่าน แสงแก้ว หญิงสูงวัยที่ต้องสืบทอดมรดกจากพ่อ ใช้เพลงตันหยง รักษาโรคภัยไข้เจ็บที่หมอปัจจุบันไม่รับรักษา
และดอกไม้ถิ่นสุดท้าย “ดอกไม้พลัดถิ่น” บ้านหงาว ระนอง ม๊ะทม สินสุวรรณ ศิลปินนักสู้ใช้บทเพลงเป็นสื่อกลางให้ความหวัง กำลังใจกับพี่น้องไทยพลัดถิ่น
คมสันต์ สุทนต์ เล่าถึงท้ายโชว์ ดอกไม้งามสามถิ่นฐาน ในครั้งนี้ว่า
นอกจากคุณผู้ชมจะได้เพลิดเพลินมีความสุขไปกับบทเพลงตันหยงแล้ว เชื่อว่าคงได้แง่คิดการใช้ชีวิตของศิลปินทั้งสามถิ่น ...ป๊ะสันแห่งบ้านป่าคลอก ต้องต่อสู้กับชีวิตอย่างไรหลังประสบภัยพิบัติซึนามิ...ป้าป่าน แห่งกระบุรี ผู้มีศรัทธาในการสืบสานพิธีกรรมความเชื่อดั้งเดิม...ม๊ะทมแห่งหงาว ใช้เพลงเพื่อต่อสู้ช่วยเหลือพี่น้องผู้พลัดถิ่น
ดอกไม้อันดามัน ตันหยง ทั้งสามถิ่นฐาน มีความงามข้างในที่ใสบริสุทธิ์ รอให้คุณได้ดื่มด่ำพร้อมกันครับ
ติดตามรายการไทยโชว์ ตอน ดอกไม้อันดามัน “ตันหยง”” วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553
คมสันต์ สุทนต์ รายการไทยโชว์ เชิญชม ลำนำนาชีดและลกูกลอง วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคมนี้
ข่าวประชาสัมพันธ์ไทยโชว์
คมสันต์ ไทยโชว์ เชิญชม ลำนำนาชีดและลกูกลอง อาทิตย์ที่ 8 สิงหาคมนี้
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เชิญชมศิลปะการแสดงของพี่น้องไทยมุสลิมที่หาชมได้ยาก จากจังหวัดภูเก็ต และเขตคลองสามวา กรุงเทพฯ ในไทยโชว์ ตอน “ลำนำนาชีดและลกูกลอง” วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย
คมสันต์ สุทนต์ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าให้ฟังว่า
รายการไทยโชว์ตอนนี้ นำเสนอศิลปะการแสดงของพี่น้องไทยมุสลิมที่หาชมได้ยาก สองอย่างพร้อมกัน เริ่มด้วยลำนำนาชีด วงมาวัดดะห์ จากเยาวชนคนรุ่นใหม่ จังหวัดภูเก็ต และลกูกลอง แบบดั้งเดิม จากศิลปินชั้นครู เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ
ลำนำนาชีด เกิดขึ้นเมื่อประมาณ ๑,๔๐๐ ปีมาแล้วในสมัยท่านศาสดามูฮำมัด..คำว่า “นาชีด” เป็นภาษาอาหรับ หมายถึง การนำคำสอนของศาสนามาร้อยเรียงให้เป็นลำนำหรือบทเพลง โดยเน้นให้คนทุกคนมีคุณธรรม มีความรัก ซึ่งกันและกันทำให้ผู้ฟังนั้น ได้รับสาระและความรื่นรมย์ เครื่องดนตรีที่ใช้เล่นจะเน้นเครื่องตีหรือเครื่องเคาะ อาทิ กลองรำมะนา, แทมเบอร์ริน, เชคเกอร์, แจมเบร์, จาราบูก้า, กลองฆอแร็ง, และทอมบา เป็นต้น
ส่วนลกูกลอง หรือที่เรียกกันว่าลิเกเรียบนั้นก็เป็นศิลปะการแสดงอีกอย่างหนึ่งของที่ยังนิยมเล่นกันเฉพาะเขตคลองสามวา หนองจอก มีนบุรี และสะพานสูง ลักษณะการเล่นคล้ายการแสดงลำตัด ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นต้นสายก่อนที่ต่อมาพัฒนาเป็นลำตัดในปัจจุบัน โดยนักดนตรีจะเป็นผู้ชาย มีกลองรำมะนาประจำตัวคนละหนึ่งใบ นั่งล้อมวงตีกลองและร้องเพลงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เนื้อเพลงเป็นภาษาอาหรับเล่าถึงประวัติของท่านศาสดามูฮำมัดพระศาสดาแห่งศาสนาอิสลาม ท่วงทีในการร้องจะใช้เสียงสามระดับไล่จากเสียงต่ำ เสียงกลาง และเสียงสูงอันทรงพลัง..
ทั้งลำนำนาชีดและลกูกลอง นิยมแสดงในงานมงคลต่างๆของพี่น้องไทยมุสลิม ไม่ว่าจะเป็น พิธีการแต่งงาน, โกนผมไฟ และการเข้าสุหนัต ...ครับ
ติดตามรายการไทยโชว์ ตอน “ลำนำนาชีดและลกูกลอง” วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
คมสันต์ ไทยโชว์ เชิญชม ลำนำนาชีดและลกูกลอง อาทิตย์ที่ 8 สิงหาคมนี้
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เชิญชมศิลปะการแสดงของพี่น้องไทยมุสลิมที่หาชมได้ยาก จากจังหวัดภูเก็ต และเขตคลองสามวา กรุงเทพฯ ในไทยโชว์ ตอน “ลำนำนาชีดและลกูกลอง” วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย
คมสันต์ สุทนต์ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าให้ฟังว่า
รายการไทยโชว์ตอนนี้ นำเสนอศิลปะการแสดงของพี่น้องไทยมุสลิมที่หาชมได้ยาก สองอย่างพร้อมกัน เริ่มด้วยลำนำนาชีด วงมาวัดดะห์ จากเยาวชนคนรุ่นใหม่ จังหวัดภูเก็ต และลกูกลอง แบบดั้งเดิม จากศิลปินชั้นครู เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ
ลำนำนาชีด เกิดขึ้นเมื่อประมาณ ๑,๔๐๐ ปีมาแล้วในสมัยท่านศาสดามูฮำมัด..คำว่า “นาชีด” เป็นภาษาอาหรับ หมายถึง การนำคำสอนของศาสนามาร้อยเรียงให้เป็นลำนำหรือบทเพลง โดยเน้นให้คนทุกคนมีคุณธรรม มีความรัก ซึ่งกันและกันทำให้ผู้ฟังนั้น ได้รับสาระและความรื่นรมย์ เครื่องดนตรีที่ใช้เล่นจะเน้นเครื่องตีหรือเครื่องเคาะ อาทิ กลองรำมะนา, แทมเบอร์ริน, เชคเกอร์, แจมเบร์, จาราบูก้า, กลองฆอแร็ง, และทอมบา เป็นต้น
ส่วนลกูกลอง หรือที่เรียกกันว่าลิเกเรียบนั้นก็เป็นศิลปะการแสดงอีกอย่างหนึ่งของที่ยังนิยมเล่นกันเฉพาะเขตคลองสามวา หนองจอก มีนบุรี และสะพานสูง ลักษณะการเล่นคล้ายการแสดงลำตัด ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นต้นสายก่อนที่ต่อมาพัฒนาเป็นลำตัดในปัจจุบัน โดยนักดนตรีจะเป็นผู้ชาย มีกลองรำมะนาประจำตัวคนละหนึ่งใบ นั่งล้อมวงตีกลองและร้องเพลงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เนื้อเพลงเป็นภาษาอาหรับเล่าถึงประวัติของท่านศาสดามูฮำมัดพระศาสดาแห่งศาสนาอิสลาม ท่วงทีในการร้องจะใช้เสียงสามระดับไล่จากเสียงต่ำ เสียงกลาง และเสียงสูงอันทรงพลัง..
ทั้งลำนำนาชีดและลกูกลอง นิยมแสดงในงานมงคลต่างๆของพี่น้องไทยมุสลิม ไม่ว่าจะเป็น พิธีการแต่งงาน, โกนผมไฟ และการเข้าสุหนัต ...ครับ
ติดตามรายการไทยโชว์ ตอน “ลำนำนาชีดและลกูกลอง” วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
แนะนำคมสันต์ สุทนต์
นายคมสันต์ สุทนต์
วัน/เดือน/ปีเกิด :
26 กรกฎาคม 2515
คุณวุฒิการศึกษา :
ปริญญาตรี
การศึกษา :
ภาควิชาดนตรีศึกษา
คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วิทยาลัยครูภูเก็ต (พ.ศ.2533-2534)
ธุรกิจท่องเที่ยวและการโรงแรม 1 ปี
วิทยาลัยนาฏศิลป์ อ่างทอง (พ.ศ.2528-2533)
ประกาศนียบัตรชั้นต้นและชั้นกลาง สาขาดุริยางค์ไทย
ประสบการณ์ระหว่างศึกษา
ปี
พ.ศ. 2537
นิสิตฝึกสอนดีเด่น สาขาดนตรีศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ
พ.ศ. 2536
ประธานฝ่ายศิลปวัฒนธรรม คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ
พ.ศ. 2536
เยาวชนดีเด่นแห่งชาติ ปี 2536 สาขานวัตกรรมความคิดสร้างสรรค์
พ.ศ. 2535
ชนะเลิศการประกวด สื่อโฆษณาวิทยุ (พ.ศ.2535)
ส่งเสริมวัฒนธรรม ปีรณรงค์วัฒนธรรมไทย สวช.
รับทุนจากฝ่ายวิจัย จุฬาฯ
วิจัยเรื่อง“กระบวนทำกลองหมู่บ้านเอกราช จังหวัดอ่างทอง”
ประสบการณ์การทำงาน
ปี
ตำแหน่ง
ปัจจุบัน
พิธีกรรายการ “ไทยโชว์” สถานีโทรทัศน์ทีวีไทย
รางวัลรายการปกิณกะดีเด่น โทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 24 ประจำปี 2552
CSR CONSULTANT บริษัท พีอาร์ 360 องศา จำกัด
พ.ศ. 2551-2552
Program Director &Marketing Communication Manager
บริษัททรูมิวสิค เรดิโอ จำกัด
พ.ศ. 2548-2550
Program Manager 106 Latte FM
บริษัท สกาย-ไฮ เน็ตเวิร์ค จำกัด
พ.ศ. 2547
Producer 106 Life FM
บริษัท สกาย-ไฮ เน็ตเวิร์ค จำกัด
พ.ศ. 2540-2545
CREATIVE PROGRAM
บริษัท บรอดคาสติ้ง เน็ตเวอร์ค ไทยแลนด์ จำกัด [BNT]
94.5 LOVE FM [เพลงสากล]
103.5 LOVE FM [เพลงไทย]
102.5 STAR RADIO [เพลงสากล]
102.5 CHANNEL V RADIO
DIGITAL RADIO [WORLD SPACE]
CREATIVE GROUP HEAD : CONCERT
A TRIBUTE LEGEND OF THE...
: BEATLES / BEEGEES / CARPENTERS
: SANTANA / EAGLES
: IMPOSSIBLES 1-3
: GRAND X 1-2
: THE BEST OF SOUNDTRACK 1-2
: BIGBAND IN LOVE
: LAURA FIGY
: SILINA JONES
: DOVE KOZ
: JIM BRICKMAN Etc.
พ.ศ. 2539
CREATIVE MAKETING / PROGRAM
SMILE RADIO : 99.5 PEOPLE FM / 98 GREET FM
บริษัท มีเดียพลัส จำกัด (พ.ศ.2539)
พ.ศ. 2538
เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ผลงานวิจัย
ฝ่ายวิจัย จุฬาฯ (พ.ศ.2538)
ผู้ดำเนินรายการวิทยุ “สนุกกับงานวิจัย”
ทางสถานีวิทยุจุฬาฯ FM 101.5 Mhz
เจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงานรัฐสัมพันธ์
แผนกทรัพยากรบุคคล บริษัทชินวัตรเพจจิ้ง จำกัด
พ.ศ. 2533
MUSICIAN : THAI VILLAGE PHUKET
ประสบการณ์ทำงานอื่นๆ
PRODUCER รายการวิทยุภาคภาษาอังกฤษ
: TRAVEL THAILAND การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
Radio Shop วิทยุในร้านค้า
PRODUCER ผลิตและจัดรายการ “TSUTAYA WAVE”
PRODUCER ผลิตและจัดรายการ “Caltex Station”
PRODUCER ผลิตและจัดรายการ “Family Mart Radio”
PRODUCER ALBUM
: HEAVENLY MUSIC FROM PHUKET
: LOVE SONGS FOR BABIES
: JAZZ-SIAM DIARY IN CONCERT
ผู้อำนวยการกลุ่มเพลงสยาม [SIAM MUSIC GROUP]
โครงการหนังสือชุดเพลงสยามและก่อตั้งมูลนิธิเพลงสยาม
ผู้ริเริ่มและผลิตงานคอนเสิร์ต
AMAZING CONTEMPORARY CONCERT
ร่วมกับสถาบันปรีดี พนมยงค์ / การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
และมูลนิธิช้างแห่งประเทศไทย (พ.ศ.2541)
ผู้สร้างสรรค์และผลิตงานคอนเสิร์ต
SIAM DIARY IN CONCERT
ร่วมกับมูลนิธิช้างแห่งประเทศไทย (พ.ศ.2546)
รับทุนวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.)
วิจัยเรื่อง “การศึกษาเพลงรำโทน บ้านหน้าวัดโบสถ์ จังหวัดอ่างทอง”
ได้รับเชิญในฐานะนักวิจัย เสนอผลงานด้านวัฒนธรรมฯ
ที่สถาบันพระปกเกล้าฯ รัฐศาสตร์ จุฬาฯ
สถานที่ติดต่อ
20/2 หมู่บ้านวรารักษ์
ถนนเลียบคลองสอง
แขวงสามวาตะวันตก
เขตคลองสามวา
กรุงเทพมหานคร 10510
โทรศัพท์เคลื่อนที่ 089-956-4055
Email : Khomsun_suthon@hotmail.com
Website : www.khomsun.com
วัน/เดือน/ปีเกิด :
26 กรกฎาคม 2515
คุณวุฒิการศึกษา :
ปริญญาตรี
การศึกษา :
ภาควิชาดนตรีศึกษา
คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วิทยาลัยครูภูเก็ต (พ.ศ.2533-2534)
ธุรกิจท่องเที่ยวและการโรงแรม 1 ปี
วิทยาลัยนาฏศิลป์ อ่างทอง (พ.ศ.2528-2533)
ประกาศนียบัตรชั้นต้นและชั้นกลาง สาขาดุริยางค์ไทย
ประสบการณ์ระหว่างศึกษา
ปี
พ.ศ. 2537
นิสิตฝึกสอนดีเด่น สาขาดนตรีศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ
พ.ศ. 2536
ประธานฝ่ายศิลปวัฒนธรรม คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ
พ.ศ. 2536
เยาวชนดีเด่นแห่งชาติ ปี 2536 สาขานวัตกรรมความคิดสร้างสรรค์
พ.ศ. 2535
ชนะเลิศการประกวด สื่อโฆษณาวิทยุ (พ.ศ.2535)
ส่งเสริมวัฒนธรรม ปีรณรงค์วัฒนธรรมไทย สวช.
รับทุนจากฝ่ายวิจัย จุฬาฯ
วิจัยเรื่อง“กระบวนทำกลองหมู่บ้านเอกราช จังหวัดอ่างทอง”
ประสบการณ์การทำงาน
ปี
ตำแหน่ง
ปัจจุบัน
พิธีกรรายการ “ไทยโชว์” สถานีโทรทัศน์ทีวีไทย
รางวัลรายการปกิณกะดีเด่น โทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 24 ประจำปี 2552
CSR CONSULTANT บริษัท พีอาร์ 360 องศา จำกัด
พ.ศ. 2551-2552
Program Director &Marketing Communication Manager
บริษัททรูมิวสิค เรดิโอ จำกัด
พ.ศ. 2548-2550
Program Manager 106 Latte FM
บริษัท สกาย-ไฮ เน็ตเวิร์ค จำกัด
พ.ศ. 2547
Producer 106 Life FM
บริษัท สกาย-ไฮ เน็ตเวิร์ค จำกัด
พ.ศ. 2540-2545
CREATIVE PROGRAM
บริษัท บรอดคาสติ้ง เน็ตเวอร์ค ไทยแลนด์ จำกัด [BNT]
94.5 LOVE FM [เพลงสากล]
103.5 LOVE FM [เพลงไทย]
102.5 STAR RADIO [เพลงสากล]
102.5 CHANNEL V RADIO
DIGITAL RADIO [WORLD SPACE]
CREATIVE GROUP HEAD : CONCERT
A TRIBUTE LEGEND OF THE...
: BEATLES / BEEGEES / CARPENTERS
: SANTANA / EAGLES
: IMPOSSIBLES 1-3
: GRAND X 1-2
: THE BEST OF SOUNDTRACK 1-2
: BIGBAND IN LOVE
: LAURA FIGY
: SILINA JONES
: DOVE KOZ
: JIM BRICKMAN Etc.
พ.ศ. 2539
CREATIVE MAKETING / PROGRAM
SMILE RADIO : 99.5 PEOPLE FM / 98 GREET FM
บริษัท มีเดียพลัส จำกัด (พ.ศ.2539)
พ.ศ. 2538
เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ผลงานวิจัย
ฝ่ายวิจัย จุฬาฯ (พ.ศ.2538)
ผู้ดำเนินรายการวิทยุ “สนุกกับงานวิจัย”
ทางสถานีวิทยุจุฬาฯ FM 101.5 Mhz
เจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงานรัฐสัมพันธ์
แผนกทรัพยากรบุคคล บริษัทชินวัตรเพจจิ้ง จำกัด
พ.ศ. 2533
MUSICIAN : THAI VILLAGE PHUKET
ประสบการณ์ทำงานอื่นๆ
PRODUCER รายการวิทยุภาคภาษาอังกฤษ
: TRAVEL THAILAND การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
Radio Shop วิทยุในร้านค้า
PRODUCER ผลิตและจัดรายการ “TSUTAYA WAVE”
PRODUCER ผลิตและจัดรายการ “Caltex Station”
PRODUCER ผลิตและจัดรายการ “Family Mart Radio”
PRODUCER ALBUM
: HEAVENLY MUSIC FROM PHUKET
: LOVE SONGS FOR BABIES
: JAZZ-SIAM DIARY IN CONCERT
ผู้อำนวยการกลุ่มเพลงสยาม [SIAM MUSIC GROUP]
โครงการหนังสือชุดเพลงสยามและก่อตั้งมูลนิธิเพลงสยาม
ผู้ริเริ่มและผลิตงานคอนเสิร์ต
AMAZING CONTEMPORARY CONCERT
ร่วมกับสถาบันปรีดี พนมยงค์ / การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
และมูลนิธิช้างแห่งประเทศไทย (พ.ศ.2541)
ผู้สร้างสรรค์และผลิตงานคอนเสิร์ต
SIAM DIARY IN CONCERT
ร่วมกับมูลนิธิช้างแห่งประเทศไทย (พ.ศ.2546)
รับทุนวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.)
วิจัยเรื่อง “การศึกษาเพลงรำโทน บ้านหน้าวัดโบสถ์ จังหวัดอ่างทอง”
ได้รับเชิญในฐานะนักวิจัย เสนอผลงานด้านวัฒนธรรมฯ
ที่สถาบันพระปกเกล้าฯ รัฐศาสตร์ จุฬาฯ
สถานที่ติดต่อ
20/2 หมู่บ้านวรารักษ์
ถนนเลียบคลองสอง
แขวงสามวาตะวันตก
เขตคลองสามวา
กรุงเทพมหานคร 10510
โทรศัพท์เคลื่อนที่ 089-956-4055
Email : Khomsun_suthon@hotmail.com
Website : www.khomsun.com
วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
คมสันต์ ไทยโชว์ชวนออกกำลังกายแบบ โนราบิก ที่หมู่บ้านวัฒนธรมบ้านแขนน อาทิตย์ที่ 1 สิงหาคมนี้
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ ชวนออกกำลังกายแบบ โนราบิก และเที่ยวหมู่บ้านวัฒนธรรมบ้านแขนน อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต วันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย
คมสันต์ สุทนต์ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าให้ฟังว่า
“ไทยโชว์ตอน โนราบิก ตอนนี้ถือว่าเป็นต้นแบบกรณีศึกษาที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งนำมาเอาศิลปะการแสดงท้องถิ่น มาพัฒนาให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย และเป็นกุศโลบายเบื้องต้นให้ชาวบ้านทุกวัยมารวมตัวกัน ช่วยกันคิดช่วยกันทำ ดึงเอาศักยภาพภูมิปัญญาทุกแขนงของทุกคน มาสร้างมูลค่าส่งเสริมการท่องเที่ยวจนกลายเป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมตัวอย่าง ที่ทั้งภาครัฐภาคเอกชนต้องมาเยี่ยมชมดูงานกันอย่างไม่ขาดสายครับ...”
ผมได้มีโอกาสคุยกับ ว่าที่ร้อยตรีไตรบัญญัติ จริยะเลอพงษ์ ประธานโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนบ้านแขนน ท่านเล่าความเป็นมาให้ฟังว่า “..โนราบิกเป็นศิลปะการแสดงพื้นบ้านภาคใต้ ที่ผสมผสานกับการออกกำลังกาย ที่คิดค้นสร้างสรรค์โดยครูกัลยา จันทวงศ์ ปราชญ์รุ่นใหม่แห่งหมู่บ้านวัฒนธรรมบ้านแขนน อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่ พ.ศ. 2543 ตามแนวคิดนโยบายสร้างเสริมสุขภาพ โดยการนำหลักการเคลื่อนไหวประกอบเสียงดนตรี มโนราห์มาผนวกกับหลักของโยคะที่เป็นการฝึกลมหายใจและการยืดกล้ามเนื้อ เอ็น รวมกับท่าหลักของการรำโนราห์มาผสมผสานออกมาในรูปโนราบิกซึ่งเริ่มต้นจากท่าพื้นฐาน แปลงเป็นท่าออกกำลังกาย และพัฒนาปรับปรุงท่าต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มอายุ เช่นกลุ่มเยาวชน กลุ่มผู้สูงอายุ..” ผมเชื่อว่าคุณผู้ชมทุกวัย สามารถทำท่า โนราบิก ตามได้อย่างง่ายสบายทันทีที่เห็นครับ
คมสันต์ สุทนต์ เล่าปิดโชว์ “โนราบิก” ว่า
“การนำศิลปะการแสดงดั้งเดิมมาพัฒนาเป็นการออกกำลังกายยังมีอีกหลายหมู่บ้าน ทุกภาคของเมืองไทยครับ.. อย่างเช่น ฟ้อนเจิง, มวยอีสาน, รำพลอง เป็นต้น ซึ่งล้วนมีประโยชน์และคุณค่าทั้งหมด อย่างน้อยก็มีส่วนช่วยรักษาให้ศิลปะการแสดงพื้นบ้านไทยคงอยู่ต่อไปครับ”
ติดตามรายการไทยโชว์ตอน “โนราบิก” วันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม 2553 เวลา 18.00 น. ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
คมสันต์ สุทนต์ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าให้ฟังว่า
“ไทยโชว์ตอน โนราบิก ตอนนี้ถือว่าเป็นต้นแบบกรณีศึกษาที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งนำมาเอาศิลปะการแสดงท้องถิ่น มาพัฒนาให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย และเป็นกุศโลบายเบื้องต้นให้ชาวบ้านทุกวัยมารวมตัวกัน ช่วยกันคิดช่วยกันทำ ดึงเอาศักยภาพภูมิปัญญาทุกแขนงของทุกคน มาสร้างมูลค่าส่งเสริมการท่องเที่ยวจนกลายเป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมตัวอย่าง ที่ทั้งภาครัฐภาคเอกชนต้องมาเยี่ยมชมดูงานกันอย่างไม่ขาดสายครับ...”
ผมได้มีโอกาสคุยกับ ว่าที่ร้อยตรีไตรบัญญัติ จริยะเลอพงษ์ ประธานโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนบ้านแขนน ท่านเล่าความเป็นมาให้ฟังว่า “..โนราบิกเป็นศิลปะการแสดงพื้นบ้านภาคใต้ ที่ผสมผสานกับการออกกำลังกาย ที่คิดค้นสร้างสรรค์โดยครูกัลยา จันทวงศ์ ปราชญ์รุ่นใหม่แห่งหมู่บ้านวัฒนธรรมบ้านแขนน อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่ พ.ศ. 2543 ตามแนวคิดนโยบายสร้างเสริมสุขภาพ โดยการนำหลักการเคลื่อนไหวประกอบเสียงดนตรี มโนราห์มาผนวกกับหลักของโยคะที่เป็นการฝึกลมหายใจและการยืดกล้ามเนื้อ เอ็น รวมกับท่าหลักของการรำโนราห์มาผสมผสานออกมาในรูปโนราบิกซึ่งเริ่มต้นจากท่าพื้นฐาน แปลงเป็นท่าออกกำลังกาย และพัฒนาปรับปรุงท่าต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มอายุ เช่นกลุ่มเยาวชน กลุ่มผู้สูงอายุ..” ผมเชื่อว่าคุณผู้ชมทุกวัย สามารถทำท่า โนราบิก ตามได้อย่างง่ายสบายทันทีที่เห็นครับ
คมสันต์ สุทนต์ เล่าปิดโชว์ “โนราบิก” ว่า
“การนำศิลปะการแสดงดั้งเดิมมาพัฒนาเป็นการออกกำลังกายยังมีอีกหลายหมู่บ้าน ทุกภาคของเมืองไทยครับ.. อย่างเช่น ฟ้อนเจิง, มวยอีสาน, รำพลอง เป็นต้น ซึ่งล้วนมีประโยชน์และคุณค่าทั้งหมด อย่างน้อยก็มีส่วนช่วยรักษาให้ศิลปะการแสดงพื้นบ้านไทยคงอยู่ต่อไปครับ”
ติดตามรายการไทยโชว์ตอน “โนราบิก” วันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม 2553 เวลา 18.00 น. ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์เชิญชม น้าโย่ง เชิญยิ้ม ประเพลงฉ่อย กับแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ในรายการไทยโชว์ ตอนเพลงทรงเครื่อง เรื่องพระอภัยมณี





ข่าวประชาสัมพันธ์ไทยโชว์
น้าโย่ง เชิญยิ้มประเพลงฉ่อย กับแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ เรียกเสียงฮาสนั่นในรายการไทยโชว์ ตอน เพลงทรงเครื่อง เรื่องพระอภัยมณี อาทิตย์ที่ 18 และ 25 กรกฎาคมนี้
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์เชิญชม น้าโย่ง เชิญยิ้ม ประเพลงฉ่อย กับแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ศิลปินแห่งชาติ และศิลปินกลุ่มรักษ์เพลงพื้นบ้าน เรียกเสียงฮาสนั่น ในรายการไทยโชว์ ตอน เพลงทรงเครื่อง เรื่องพระอภัยมณี วันอาทิตย์ที่ 18 และ 25 กรกฎาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย
คมสันต์ สุทนต์ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าโชว์ให้ฟังว่า
“ไทยโชว์ตอนนี้เกิดขึ้นจากการร่วมแรงร่วมใจของทีวีไทยกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยจัดโครงการ “เดินตามรอยครู เชิดชูเพลงเก่า น้อมเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เมื่อวันอังคารที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา ภายในงานมีการจัดเสวนาวิชาการ หัวข้อ “ตามรอยครูสุนทรภู่สู่เพลงทรงเครื่อง” และการแสดงเพลงทรงเครื่อง เรื่องพระอภัยมณีตอนหนีนางผีเสื้อ นำแสดงโดย แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์, พ่อสุจินต์ ชาวบางงาม, น้าโย่ง เชิญยิ้ม และศิลปินกลุ่มรักษ์เพลงพื้นบ้าน ซึ่งมีผู้สนใจตอบรับร่วมชมการแสดงครั้งนี้มากกว่าพันคน เกินความคาดหมายครับ”
“เพลงทรงเครื่อง เป็นรูปแบบการแสดงพื้นบ้านไทยที่พัฒนามาจากเพลงฉ่อย ที่นำมาร้องร้อยเป็นเรื่องราวเช่น เรื่องไกรทอง, ไชยเชษฐ์, แก้วหน้าม้า, ขุนช้างขุนแผนและพระอภัยมณี เป็นต้น มีดนตรีปี่พาทย์เข้ามาช่วยรับร้องบรรเลงเข้าออกฉาก ส่วนพ่อเพลงแม่เพลงก็แต่งองค์ทรงเครื่องเหมือนตัวละครหรือลิเก ซึ่งถือว่าเพลงทรงเครื่องเป็นพัฒนาการขั้นคลาสสิก สมบูรณ์แบบของเพลงพื้นบ้านภาคกลาง
..ในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพลงทรงเครื่อง จัดว่าเป็นมหรสพหน้าโรงบ่อนเล่นเพื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้เดินผ่านไปมาให้เข้าเล่นการพนัน สมัยนั้นมีศิลปินเพลงฉ่อย และเพลงทรงเครื่องท่านหนึ่งที่มีชื่อเสียง นั่นคือ ครูอ๊อด ตามประหาส พ่อเพลงฉ่อยชาวราชบุรี ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นขุนสำราญสมิตรสุข และอดีตแม่เพลงสุพรรณบุรีอีกท่านหนึ่งที่มีชื่อเสียงเรื่องเพลงทรงเครื่องมาก คือแม่เหม อินทร์สวาท ..ในปัจจุบันเพลงทรงเครื่องยังมีการแสดงแบบเฉพาะกิจบ้าง แถวจังหวัดสุพรรณบุรี, ชัยนาท และอ่างทอง แต่ก็น่าเป็นห่วงว่าน่าจะใกล้สูญหาย หากขาดคนรุ่นใหม่ช่วยกันสานต่อครับ”
แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ในบทบาทผีเสื้อสมุทร เล่าเพิ่มเติมว่า “เพลงทรงเครื่องที่นำเสนอในครั้งนี้เรียกว่าเป็นการสาธิตแล้วกัน.. เพื่อสืบสานให้คนรุ่นใหม่ได้เล่นได้ดูกัน โดยแม่(ขวัญจิต)นำกลอนแปดเรื่องพระอภัยมณี ตอนหนีนางผีเสื้อ ของท่านสุนทรภู่ มาปรับเป็นกลอนหัวเดียวแบบเพลงพื้นบ้าน แต่ยังคงเนื้อหาอรรถรสไว้เหมือนเดิม แล้วช่วยกันเลือกศิลปินกลุ่มรักษ์เพลงพื้นบ้านมาร่วมแสดง..” และได้เชิญศิลปินที่มีชื่อเสียงอาทิ พ่อสุจินต์ ชาวบางงาม(ศิลปินดีเด่นจังหวัดสุพรรณบุรี)รับบทพระอภัยมณีช่วงท้าย, น้าโย่ง เชิญยิ้ม (พิเชษฐ์ เอี่ยมชาวนา) รับบทเป็นโยคีและ คุณปานเกศ ศาตะมานรับบทเป็นนางเงือกครับ
ผีเสื้อสมุทร-แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ และโยคี-น้าโย่ง เชิญยิ้ม จะประเพลงฉ่อย(เพลงทรงเครื่อง)ด้นสด เรียกเสียงฮาสนั่นลั่นเกาะแก้วพิสดารขนาดไหน ต้องติดตามรายการไทยโชว์ ตอน เพลงทรงเครื่อง เรื่องพระอภัยมณี วันอาทิตย์ที่ 18 และ 25 กรกฎาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ชมรายการย้อนหลังที่ www.thaipbs.or.th/Thaishow แนะนำโชว์ที่คุณอยากชม thaishow@thaipbs.or.th
น้าโย่ง เชิญยิ้มประเพลงฉ่อย กับแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ เรียกเสียงฮาสนั่นในรายการไทยโชว์ ตอน เพลงทรงเครื่อง เรื่องพระอภัยมณี อาทิตย์ที่ 18 และ 25 กรกฎาคมนี้
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์เชิญชม น้าโย่ง เชิญยิ้ม ประเพลงฉ่อย กับแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ศิลปินแห่งชาติ และศิลปินกลุ่มรักษ์เพลงพื้นบ้าน เรียกเสียงฮาสนั่น ในรายการไทยโชว์ ตอน เพลงทรงเครื่อง เรื่องพระอภัยมณี วันอาทิตย์ที่ 18 และ 25 กรกฎาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย
คมสันต์ สุทนต์ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าโชว์ให้ฟังว่า
“ไทยโชว์ตอนนี้เกิดขึ้นจากการร่วมแรงร่วมใจของทีวีไทยกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยจัดโครงการ “เดินตามรอยครู เชิดชูเพลงเก่า น้อมเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เมื่อวันอังคารที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา ภายในงานมีการจัดเสวนาวิชาการ หัวข้อ “ตามรอยครูสุนทรภู่สู่เพลงทรงเครื่อง” และการแสดงเพลงทรงเครื่อง เรื่องพระอภัยมณีตอนหนีนางผีเสื้อ นำแสดงโดย แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์, พ่อสุจินต์ ชาวบางงาม, น้าโย่ง เชิญยิ้ม และศิลปินกลุ่มรักษ์เพลงพื้นบ้าน ซึ่งมีผู้สนใจตอบรับร่วมชมการแสดงครั้งนี้มากกว่าพันคน เกินความคาดหมายครับ”
“เพลงทรงเครื่อง เป็นรูปแบบการแสดงพื้นบ้านไทยที่พัฒนามาจากเพลงฉ่อย ที่นำมาร้องร้อยเป็นเรื่องราวเช่น เรื่องไกรทอง, ไชยเชษฐ์, แก้วหน้าม้า, ขุนช้างขุนแผนและพระอภัยมณี เป็นต้น มีดนตรีปี่พาทย์เข้ามาช่วยรับร้องบรรเลงเข้าออกฉาก ส่วนพ่อเพลงแม่เพลงก็แต่งองค์ทรงเครื่องเหมือนตัวละครหรือลิเก ซึ่งถือว่าเพลงทรงเครื่องเป็นพัฒนาการขั้นคลาสสิก สมบูรณ์แบบของเพลงพื้นบ้านภาคกลาง
..ในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพลงทรงเครื่อง จัดว่าเป็นมหรสพหน้าโรงบ่อนเล่นเพื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้เดินผ่านไปมาให้เข้าเล่นการพนัน สมัยนั้นมีศิลปินเพลงฉ่อย และเพลงทรงเครื่องท่านหนึ่งที่มีชื่อเสียง นั่นคือ ครูอ๊อด ตามประหาส พ่อเพลงฉ่อยชาวราชบุรี ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นขุนสำราญสมิตรสุข และอดีตแม่เพลงสุพรรณบุรีอีกท่านหนึ่งที่มีชื่อเสียงเรื่องเพลงทรงเครื่องมาก คือแม่เหม อินทร์สวาท ..ในปัจจุบันเพลงทรงเครื่องยังมีการแสดงแบบเฉพาะกิจบ้าง แถวจังหวัดสุพรรณบุรี, ชัยนาท และอ่างทอง แต่ก็น่าเป็นห่วงว่าน่าจะใกล้สูญหาย หากขาดคนรุ่นใหม่ช่วยกันสานต่อครับ”
แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ในบทบาทผีเสื้อสมุทร เล่าเพิ่มเติมว่า “เพลงทรงเครื่องที่นำเสนอในครั้งนี้เรียกว่าเป็นการสาธิตแล้วกัน.. เพื่อสืบสานให้คนรุ่นใหม่ได้เล่นได้ดูกัน โดยแม่(ขวัญจิต)นำกลอนแปดเรื่องพระอภัยมณี ตอนหนีนางผีเสื้อ ของท่านสุนทรภู่ มาปรับเป็นกลอนหัวเดียวแบบเพลงพื้นบ้าน แต่ยังคงเนื้อหาอรรถรสไว้เหมือนเดิม แล้วช่วยกันเลือกศิลปินกลุ่มรักษ์เพลงพื้นบ้านมาร่วมแสดง..” และได้เชิญศิลปินที่มีชื่อเสียงอาทิ พ่อสุจินต์ ชาวบางงาม(ศิลปินดีเด่นจังหวัดสุพรรณบุรี)รับบทพระอภัยมณีช่วงท้าย, น้าโย่ง เชิญยิ้ม (พิเชษฐ์ เอี่ยมชาวนา) รับบทเป็นโยคีและ คุณปานเกศ ศาตะมานรับบทเป็นนางเงือกครับ
ผีเสื้อสมุทร-แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ และโยคี-น้าโย่ง เชิญยิ้ม จะประเพลงฉ่อย(เพลงทรงเครื่อง)ด้นสด เรียกเสียงฮาสนั่นลั่นเกาะแก้วพิสดารขนาดไหน ต้องติดตามรายการไทยโชว์ ตอน เพลงทรงเครื่อง เรื่องพระอภัยมณี วันอาทิตย์ที่ 18 และ 25 กรกฎาคม 2553 เวลา 18.00 น. ทางทีวีไทย ชมรายการย้อนหลังที่ www.thaipbs.or.th/Thaishow แนะนำโชว์ที่คุณอยากชม thaishow@thaipbs.or.th
วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553
คมสันต์ ไทยโชว์ พาลัดเลาะเกาะเกร็ดและปทุมธานี สัมผัส ปัวฮะเปิ่น-มอญรำ ต้นตำหรับ วันอาทิตย์ 20 มิถุนายนนี้
ข่าวประชาสัมพันธ์ไทยโชว์
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการและทีมงานไทยโชว์ พาลัดเลาะเกาะเกร็ด นนทบุรีและเมืองปทุมธานี เพื่อสัมผัสต้นตำหรับการแสดงชั้นสูงของชาวไทยรามัญที่เรียกว่า “ปัวฮะเปิ่น-มอญรำ 12 ภาษา” และนับเป็นครั้งแรกบนจอทีวีเมืองไทยที่จะได้เห็น มอญรำ รำพร้อมกันทีเดียว 2 จังหวัด ในรายการไทยโชว์ ตอน “มอญรำ ไทยรามัญ” วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน 2553 เวลา 18.00 น.
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการและทีมงานไทยโชว์ พาลัดเลาะเกาะเกร็ด นนทบุรีและเมืองปทุมธานี เพื่อสัมผัสต้นตำหรับการแสดงชั้นสูงของชาวไทยรามัญที่เรียกว่า “ปัวฮะเปิ่น-มอญรำ 12 ภาษา” และนับเป็นครั้งแรกบนจอทีวีเมืองไทยที่จะได้เห็น มอญรำ รำพร้อมกันทีเดียว 2 จังหวัด ในรายการไทยโชว์ ตอน “มอญรำ ไทยรามัญ” วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน 2553 เวลา 18.00 น.
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าให้ฟังถึงโชว์ มอญรำ ครั้งนี่ว่า
“มอญรำ เป็นนาฏศิลป์ชั้นสูงของชาวไทยรามัญ ซึ่งจะแสดงในงานสำคัญๆอย่างการต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง วันรดน้ำผู้ใหญ่ วันสงกรานต์ งานสมโภช งานฉลองต่าง ๆ และงานศพ โดยเฉพาะศพพระชั้นผู้ใหญ่ แม้แต่ในงานราชพิธีสำคัญ งานเฉลิมฉลองของไทยนับจากอดีตจนปัจจุบัน มักโปรดฯ ให้มีการแสดงมอญรำด้วยทุกครั้ง เพราะถือว่าเป็นการแสดงชั้นสูง ดังเช่น จารึกที่วัดปรมัยยิกาวาส เกาะเกร็ด กล่าวถึงมหรสพในงานฉลองสำคัญของกรุงรัตนโกสินทร์ โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดฯ ให้จารึกไว้ ดังนี้
ชาวไทยรามัญเรียกการแสดงนี้ว่า ปัวฮะเปิ่น ปัว แปลว่า มหรสพ ฮะเปิ่น แปลว่า ตะโพน ซึ่งแปลตรง ๆ หมายถึงงานแสดงมหรสพที่อาศัยตะโพนเป็นหลัก ในการแสดงนั้นนักดนตรีและผู้รำจะต้องเข้าใจกัน โดยผู้รำจะต้องทิ้งมือให้ลงกับจังหวะของตะโพน..
มอญรำในอดีตนี่ ถือว่าเป็นวิชาหนึ่งที่หญิงชาวไทยรามัญจะต้องเรียนรู้ เพื่อแสดงออกถึงความเป็นสตรีชาวไทยรามัญอย่างแท้จริง ด้วยลีลาอันอ่อนช้อยเรียบง่าย แต่ก็แฝงไปด้วยความประณีตในการร่ายรำ โดยผู้อาศัยจังหวะตะโพนมอญเป็นหลัก การเคลื่อนตัวจะเอนตัวอย่างอ่อนช้อยกระเถิบเท้าไปทีละน้อย ๆ ตามจังหวะของกลอง นางรำจะเหยียดมือทั้งสองออกรำในท่านิ่งอยู่กับที่ พร้อมเคลื่อนไหวลำตัว เมื่อรำจบแต่ละเพลง ก็จะทิ้งมือลงที่หน้าขาทั้งสอง ปี่พาทย์จะขึ้นเพลงใหม่ ผู้รำมอญจะแต่งกายด้วยการนุ่งผ้าซิ่นยาวกรอมเท้า ใส่เสื้อแขนกระบอก พาดผ้าสไบไหล่เดียวหรือคล้องคอปล่อยชายให้ห้อยอยู่ข้างหน้าทั้งสองชาย ใช้สีอะไรก็ได้ครับ”
คุณยายปรุง-มะลิ วงศ์จำนง ครูอาวุโสต้นตำหรับมอญรำ เล่าให้ผมและรายการไทยโชว์ฟังถึงความเป็นมาของรำมอญเกาะเกร็ดว่า..ได้รับถ่ายทอดมาจากคุณย่าปริก โดยพี่ชายของย่าปริก เป็นนักดนตรีปี่พาทย์มอญ เคยไปรับจ้างแสดงดนตรีที่บ้านกะมาวัก เมืองมะละแหม่ง (ปัจจุบันอยู่ในประเทศพม่า)และได้ไปพบท่ารำมอญโบราณ จึงศึกษาแล้วนำมาถ่ายทอดให้กับน้องสาว คือย่าปริกอีกทีหนึ่งโดยมีอยู่ 12 รำท่าซึ่งจะได้ชมครบถ้วนใน รายการไทยโชว์ดังนี้
รำมอญท่าที่ : 1 ฮาฮุยฮากะ (โปรยข้าวตรอก)
รำมอญท่าที่ : 2 ฮะบะทาน (1), (สังเวย)
รำมอญท่าที่ : 3 ฮะบะทาน (2)
รำมอญท่าที่ : 4 ฮะบะทาน (3)
รำมอญท่าที่ : 5 เปริงอย่างเปราะ (เร็วขึ้น)
รำมอญท่าที่ : 6 ฮะบะทาน (4)
รำมอญท่าที่ : 7 อะโมตะตา (พ่อแม่พี่น้อง)
รำมอญท่าที่ : 8 โปดโทน (แบบมอญ)
รำมอญท่าที่ : 9 ฮะบายคะนอจิน (ขนมจีนน้ำยา)
รำมอญท่าที่ : 10 กะเลียงเกิง (กลับเมือง)
รำมอญท่าที่ : 11 เปริงเประฮะเระ (ตะโพน-เสียงสั้น)
รำมอญท่าที่ : 12 เปริงเประฮะเริน (ตะโพน-เสียงยาว)
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าให้ฟังปิดท้ายว่า
นอกจากนี้ผมและทีมงานไทยโชว์ ยังเดินทางไปเมืองปทุมธานี เพื่อบันทึกภาพ มอญรำ 12 ภาษา/ท่า มาให้ชมพร้อมๆกัน เพื่อจะได้เห็นความงดงามที่ทั้งเหมือนและต่างกันในกระบวนเพลงและท่ารำ ซึ่งผมเองมองว่าศิลปะแม้จะเป็นอย่างเดียวกันแต่พอแยกย้ายไปอยู่ต่างท้องถิ่นก็ย่อมมีความแตกต่างกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งที่ชาวไทยรามัญทั้งสองแห่งเหมือนกันคือ การสืบทอดศิลปะการแสดงมอญรำ ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นควรค่าแก่การเป็นแบบอย่างและที่สำคัญคือ เป็นครั้งแรกบนจอทีวีเมืองไทยที่จะได้เห็น มอญรำพร้อมกันที่เดียว 2 จังหวัด
ครับ
ติดตามรายการไทยโชว์ตอน“มอญรำ ไทยรามัญ” วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน 2553 เวลา 18.00 น.
ดูรายการย้อนหลังได้ทาง http://www.thaipbs.or.th/Thaisho%20w
วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการและทีมงานไทยโชว์ พาคุณผู้ชมไปเที่ยวบ้านไทยรามัญสองบางฯ
ข่าวประชาสัมพันธ์ไทยโชว์
คมสันต์ ไทยโชว์ พาเที่ยวบ้านไทยรามัญสองบางฯ นั่งฟังทะแยมอญคณะหงส์ฟ้ารามัญ, 13 มิถุนายนนี้
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการและทีมงานไทยโชว์ พาคุณผู้ชมไปเที่ยวบ้านไทยรามัญสองบางฯ “บางกระดี่ กรุงเทพฯ และบางขันหมาก เมืองลพบุรี นั่งฟังทะแยมอญ คณะหงส์ฟ้ารามัญ ในรายการไทยโชว์ตอน“ทะแยมอญ หงส์ฟ้ารามัญ” วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2553 เวลา 18.00 น.
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าให้ฟังถึงที่มาของโชว์ตอนนี้ว่า
“ทะแยมอญเป็นการละเล่นของชาวไทยรามัญ มีลักษณะคล้ายๆกับ “ลำตัด” คือร้องโต้ตอบระหว่างชายหญิง แต่จะร้องเป็นภาษามอญที่สุภาพไม่มีหยาบคาย พ่อเพลงหรือนักร้องผู้ชายเรียกว่า แหมะแขวกหนิเตราะห์ ส่วนแม่เพลงหรือนักร้องผู้หญิงเรียกว่า แหมะแขวกหนิแประ โดยจะร้องโต้ตอบกันเป็นคู่ ๆ พร้อมกับร่ายรำประกอบ เดิมมักจะเล่นกันตามบ่อนสะบ้า แต่ละบ่อนจะมีทะแยมอญเล่นประกอบสร้างความสนุกสนานครึกครื้น เพื่อร้องเพลงเชียร์ฝ่ายของตนเพลง คำร้องนั้นแต่เดิมเป็นภาษามอญล้วน ๆ แต่ปัจจุบันร้องแบบภาษามอญปนไทย, ทำนองเพลงไทยเดิมและเพลงลูกทุ่งเพื่อให้เข้ายุคสมัย เนื้อเพลงหลักๆจะเกี่ยวกับนิทานชาดกและหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา เกี้ยวพาราสี วิถีชีวิต..
เครื่องดนตรีที่ใช้บรรเลงประกอบการแสดงทะแยมอญมีด้วยกัน 5 ชิ้นได้แก่ โกร หรือซอมอญ เป็นเครื่องดนตรีที่โดดเด่นมากในวง มีสามสาย คล้ายไวโอลิน แต่หัวใส่มงกุฎ และตั้งสีกับพื้นแทนที่จะสีบนบ่าเหมือนกับไวโอลิน, จยาม หรือจะเข้มอญ มีลักษณะและวิธีการเล่นแบบจะเข้ไทย แต่เดิมจะเข้มอญจะแกะให้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนจระเข้จริงๆ, อะโลด หรือขลุ่ยมอญ รูปร่างและวิธีการเป่าในปัจจุบันเหมือนขลุ่ยไทย แต่ที่ผมฟังของเดิมเสียงจะทุ้มแหบพล่ากว่า, ปุงตัง หรือเปิงมาง เป็นกลองสองหน้า เท่าที่สังเกตและลองฝึกตี มักจะตีเป็นจังหวะขัดกับฉิ่งซึ่งเป็นจังหวะหลัก, หะเด ก็คือฉิ่ง แต่จังหวะการตีจะมีสั้นยาวสลับบางช่วง ต่างจากการตีฉิ่งจังหวะพื้นฐานทั่วไปครับ
วงทะแยมอญที่มีชื่อเสียงและมีความเข้มแข็งในการรวมตัวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนมายาวนาน เกือบสามสิบปี(พ.ศ. 2526)ก็คือวง "หงส์ฟ้ารามัญ" แห่งบ้านไทยรามัญบ้านบางกระดี่ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร นำวงโดยคุณลุงกัลยา ปุงบางกระดี่ ซึ่งได้เดินทางมาขึ้นเวทีไทยโชว์ และเลือกเพลงทะแยมาฝากคุณผู้ชมรายการ หลากหลายชุด เริ่มจากโหมโรง,เพลงไหว้ครู, ชุดเล่าเรื่องทะแยมอญ, ชุดเพลงไทยใส่เนื้อมอญและชุดเพลงไทยว่าดอก...
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าให้ฟังถึงช่วงสำคัญตอนนี้ว่า
นอกจากนี้ยังมีนักร้องหญิง ทะแยมอญเสียงดีอีกท่านหนึ่งคือ คุณป้าปัทมา ขำดีอยู่ที่บ้านไทยรามัญบางขันหมาก เมืองลพบุรี เจ้าของผลงานเพลงลูกทุ่งดัง “โชะละ”ไทยโชว์ในตอนนี้ จึงชวนลุงกัลยาแห่งบางกระดี่ ไปเที่ยวบางขันหมาก ลพบุรี เพื่อประชันเพลงทะแยกับป้าปัทมาเป็นครั้งแรก รับรองครับว่าภาพความงดงาม สนุกสนานของไทยรามัญทั้งสองบางฯ “บางกระดี่ และบางขันหมาก” จะทำให้คุณผู้ชมประทับใจแล้วอยากไปเยือนทั้งสองบางฯ นี้แน่นอนครับ
ติดตามรายการไทยโชว์ตอน“ทะแยมอญ หงส์ฟ้ารามัญ” วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2553 เวลา 18.00 น. ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
คมสันต์ ไทยโชว์ พาเที่ยวบ้านไทยรามัญสองบางฯ นั่งฟังทะแยมอญคณะหงส์ฟ้ารามัญ, 13 มิถุนายนนี้
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการและทีมงานไทยโชว์ พาคุณผู้ชมไปเที่ยวบ้านไทยรามัญสองบางฯ “บางกระดี่ กรุงเทพฯ และบางขันหมาก เมืองลพบุรี นั่งฟังทะแยมอญ คณะหงส์ฟ้ารามัญ ในรายการไทยโชว์ตอน“ทะแยมอญ หงส์ฟ้ารามัญ” วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2553 เวลา 18.00 น.
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าให้ฟังถึงที่มาของโชว์ตอนนี้ว่า
“ทะแยมอญเป็นการละเล่นของชาวไทยรามัญ มีลักษณะคล้ายๆกับ “ลำตัด” คือร้องโต้ตอบระหว่างชายหญิง แต่จะร้องเป็นภาษามอญที่สุภาพไม่มีหยาบคาย พ่อเพลงหรือนักร้องผู้ชายเรียกว่า แหมะแขวกหนิเตราะห์ ส่วนแม่เพลงหรือนักร้องผู้หญิงเรียกว่า แหมะแขวกหนิแประ โดยจะร้องโต้ตอบกันเป็นคู่ ๆ พร้อมกับร่ายรำประกอบ เดิมมักจะเล่นกันตามบ่อนสะบ้า แต่ละบ่อนจะมีทะแยมอญเล่นประกอบสร้างความสนุกสนานครึกครื้น เพื่อร้องเพลงเชียร์ฝ่ายของตนเพลง คำร้องนั้นแต่เดิมเป็นภาษามอญล้วน ๆ แต่ปัจจุบันร้องแบบภาษามอญปนไทย, ทำนองเพลงไทยเดิมและเพลงลูกทุ่งเพื่อให้เข้ายุคสมัย เนื้อเพลงหลักๆจะเกี่ยวกับนิทานชาดกและหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา เกี้ยวพาราสี วิถีชีวิต..
เครื่องดนตรีที่ใช้บรรเลงประกอบการแสดงทะแยมอญมีด้วยกัน 5 ชิ้นได้แก่ โกร หรือซอมอญ เป็นเครื่องดนตรีที่โดดเด่นมากในวง มีสามสาย คล้ายไวโอลิน แต่หัวใส่มงกุฎ และตั้งสีกับพื้นแทนที่จะสีบนบ่าเหมือนกับไวโอลิน, จยาม หรือจะเข้มอญ มีลักษณะและวิธีการเล่นแบบจะเข้ไทย แต่เดิมจะเข้มอญจะแกะให้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนจระเข้จริงๆ, อะโลด หรือขลุ่ยมอญ รูปร่างและวิธีการเป่าในปัจจุบันเหมือนขลุ่ยไทย แต่ที่ผมฟังของเดิมเสียงจะทุ้มแหบพล่ากว่า, ปุงตัง หรือเปิงมาง เป็นกลองสองหน้า เท่าที่สังเกตและลองฝึกตี มักจะตีเป็นจังหวะขัดกับฉิ่งซึ่งเป็นจังหวะหลัก, หะเด ก็คือฉิ่ง แต่จังหวะการตีจะมีสั้นยาวสลับบางช่วง ต่างจากการตีฉิ่งจังหวะพื้นฐานทั่วไปครับ
วงทะแยมอญที่มีชื่อเสียงและมีความเข้มแข็งในการรวมตัวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนมายาวนาน เกือบสามสิบปี(พ.ศ. 2526)ก็คือวง "หงส์ฟ้ารามัญ" แห่งบ้านไทยรามัญบ้านบางกระดี่ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร นำวงโดยคุณลุงกัลยา ปุงบางกระดี่ ซึ่งได้เดินทางมาขึ้นเวทีไทยโชว์ และเลือกเพลงทะแยมาฝากคุณผู้ชมรายการ หลากหลายชุด เริ่มจากโหมโรง,เพลงไหว้ครู, ชุดเล่าเรื่องทะแยมอญ, ชุดเพลงไทยใส่เนื้อมอญและชุดเพลงไทยว่าดอก...
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าให้ฟังถึงช่วงสำคัญตอนนี้ว่า
นอกจากนี้ยังมีนักร้องหญิง ทะแยมอญเสียงดีอีกท่านหนึ่งคือ คุณป้าปัทมา ขำดีอยู่ที่บ้านไทยรามัญบางขันหมาก เมืองลพบุรี เจ้าของผลงานเพลงลูกทุ่งดัง “โชะละ”ไทยโชว์ในตอนนี้ จึงชวนลุงกัลยาแห่งบางกระดี่ ไปเที่ยวบางขันหมาก ลพบุรี เพื่อประชันเพลงทะแยกับป้าปัทมาเป็นครั้งแรก รับรองครับว่าภาพความงดงาม สนุกสนานของไทยรามัญทั้งสองบางฯ “บางกระดี่ และบางขันหมาก” จะทำให้คุณผู้ชมประทับใจแล้วอยากไปเยือนทั้งสองบางฯ นี้แน่นอนครับ
ติดตามรายการไทยโชว์ตอน“ทะแยมอญ หงส์ฟ้ารามัญ” วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2553 เวลา 18.00 น. ดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
คมสันต์ ไทยโชว์ พาไปเบิ่ง“หมอลำไทเลย” อาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคมนี้
พาคุณผู้ชมเดินทางข้ามภูเขากว่าร้อยลูก ไปเบิ่งต้นตำหรับหมอลำไทเลย “บ้านน้ำพร เชียงคาน” และสนุกกับลูกหลานหมอลำไทเลยโรงเรียนนาด้วงวิทยา “เรื่องจำปาสี่ต้น” ในรายการไทยโชว์ วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม 2553 เวลา 18.00 น.
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าความเป็นมาของหมอลำไทเลยว่า
หมอลำไทเลย เป็นพัฒนาการอีกขั้นหนึ่งของ แมงตับเต่า เพชรบูรณ์ รูปแบบการแสดง เครื่องแต่งกาย ดนตรี ท่ารำมีความคล้ายคลึงกัน แต่สำเนียงในการร้องและการเจรจาจะมีความแตกต่างกันตามลักษณะเสียงพื้นถิ่น มีเสน่ห์ไปคนละแบบครับ
ผมและทีมงานไทยโชว์ได้เดินทางข้ามภูเขาหลายร้อยลูกไปที่บ้านน้ำพร อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลยซึ่งเป็นต้นกำเนิดของหมอลำไทเลย เพื่อไปพูดคุยกับครูเทือง แก้วดวงดีผู้ก่อตั้งคณะหมอลำไทเลยบ้านน้ำพรตั้งแต่พ.ศ. 2487 พร้อมชมการสาธิตหมอลำไทเลยแบบต้นตำหรับจากศิลปินพื้นบ้านคุณตาคุณยาย รุ่นลายครามที่ยังคงเล่นได้สนุกขลัง แฝงพลังเสน่ห์ในการแสดงทุกฉาก ทุกตอนครับ
ช่วงท้ายก่อนกลับครูสุวิทย์ สารเงิน ได้พาลูกศิษย์หมอลำไทเลยโรงเรียนนาด้วงวิทยา มากราบคาราวะครูต้นตำหรับ ซึ่งเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่จะบันทึกว่าหมอลำไทเลย มีเยาวชนคนหนุ่มสาว มารับช่วงสืบสานต่ออย่างแน่นอน
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าถึงโชว์ ตอน หมอลำไทเลยว่า
เป็นโชว์หมอลำไทเลยของเยาวชนคนรุ่นใหม่ โรงเรียนนาด้วงวิทยา อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย เรื่องจำปาสี่ต้น จับเรื่องตั้งแต่มีนกยักษ์มาจับคนทั้งเมืองไปกินหมด เหลือแต่นางเอกคนเดียวเพราะเข้าไปหลบอยู่ในกลองยักษ์ ซึ่งฉากนี้พลาดไม่ได้จริงๆ ต้องจับตาว่าคนจะเข้าไปอยู่ในกลองได้อย่างไรครับ
ติดตามรายการไทยโชว์ ตอน“หมอลำไทเลย” ในวันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม 2553 เวลา 18.00 น.
ทางทีวีไทย และสามารถดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าความเป็นมาของหมอลำไทเลยว่า
หมอลำไทเลย เป็นพัฒนาการอีกขั้นหนึ่งของ แมงตับเต่า เพชรบูรณ์ รูปแบบการแสดง เครื่องแต่งกาย ดนตรี ท่ารำมีความคล้ายคลึงกัน แต่สำเนียงในการร้องและการเจรจาจะมีความแตกต่างกันตามลักษณะเสียงพื้นถิ่น มีเสน่ห์ไปคนละแบบครับ
ผมและทีมงานไทยโชว์ได้เดินทางข้ามภูเขาหลายร้อยลูกไปที่บ้านน้ำพร อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลยซึ่งเป็นต้นกำเนิดของหมอลำไทเลย เพื่อไปพูดคุยกับครูเทือง แก้วดวงดีผู้ก่อตั้งคณะหมอลำไทเลยบ้านน้ำพรตั้งแต่พ.ศ. 2487 พร้อมชมการสาธิตหมอลำไทเลยแบบต้นตำหรับจากศิลปินพื้นบ้านคุณตาคุณยาย รุ่นลายครามที่ยังคงเล่นได้สนุกขลัง แฝงพลังเสน่ห์ในการแสดงทุกฉาก ทุกตอนครับ
ช่วงท้ายก่อนกลับครูสุวิทย์ สารเงิน ได้พาลูกศิษย์หมอลำไทเลยโรงเรียนนาด้วงวิทยา มากราบคาราวะครูต้นตำหรับ ซึ่งเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่จะบันทึกว่าหมอลำไทเลย มีเยาวชนคนหนุ่มสาว มารับช่วงสืบสานต่ออย่างแน่นอน
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าถึงโชว์ ตอน หมอลำไทเลยว่า
เป็นโชว์หมอลำไทเลยของเยาวชนคนรุ่นใหม่ โรงเรียนนาด้วงวิทยา อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย เรื่องจำปาสี่ต้น จับเรื่องตั้งแต่มีนกยักษ์มาจับคนทั้งเมืองไปกินหมด เหลือแต่นางเอกคนเดียวเพราะเข้าไปหลบอยู่ในกลองยักษ์ ซึ่งฉากนี้พลาดไม่ได้จริงๆ ต้องจับตาว่าคนจะเข้าไปอยู่ในกลองได้อย่างไรครับ
ติดตามรายการไทยโชว์ ตอน“หมอลำไทเลย” ในวันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม 2553 เวลา 18.00 น.
ทางทีวีไทย และสามารถดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
คมสันต์ ไทยโชว์พาเที่ยวเชียงคาน สนุกกับ “แมงหน้างาม” อาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคมนี้
คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าเรื่องแมงหน้างามให้ฟังว่า
เมืองเชียงคานไม่ใช่มีชื่อเสียงแค่ ถนนชายโขง อย่างเดียวครับ เพราะยังมีศิลปะการแสดงที่น่าสนใจหลายอย่างที่ผมและทีมงานไทยโชว์ จะพาไปชมพร้อมกัน นั่นคือ แมงหน้างาม หรือ ผีขนน้ำ เป็นการละเล่นในประเพณีบ้านนาซ่าว ตำบลนาซ่าว อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ช่วงบุญเดือนหกที่ผ่านมา เป็นพิธีกรรมไหว้ผีบรรพบุรุษ ซึ่งชาวบ้านร่วมกันจัดขึ้นเรียกว่า “เลี้ยงบ้าน” โดยกำหนดเอาวันเสร็จสิ้นจากการทำไร่ทำนาโดยมี “จ้ำ (ผู้ประกอบพิธีกรรม)” เป็นผู้ทำหน้าที่สื่อสารระหว่างชาวบ้านกับเจ้าปู่
แมงหน้างาม เป็นชื่อที่เจ้าปู่เรียก ส่วน ผีขนน้ำ เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกครับ...พิธีเลี้ยงบ้านนี้จะทำกันทุกปี แค่ปีละครั้งเท่านั้น จุดมุ่งหมายเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณ ที่ผีปู่ผีย่า ตลอดจนผีบรรพบุรุษในหมู่บ้าน ได้ปกปักรักษา คุ้มครองตนและชาวบ้านให้อยู่เย็นเป็นสุขทำมาหากินได้อย่างอุดมสมบูรณ์
ครูสำเนียง ทาก้อง นักวัฒนธรรมท้องถิ่นเล่าให้ทีมงานไทยโชว์ฟังว่า “การบวงสรวงสัตว์เลี้ยงภายในบริเวณศาล สัตว์ที่นำไปผูกหลักเลี้ยงจะตายเองโดยไม่มีการฆ่า ขณะที่ประกอบพิธีอัญเชิญผีเจ้าปู่ และผีบรรพบุรุษต่างๆ ให้ลงมากินเครื่องเซ่น ปัจจุบันไม่นิยมทำกันแล้ว เพียงแต่นำเครื่องเซ่นพวกข้าวปลาอาหาร และสิ่งของอื่น ๆ ตามที่กล่าวมาข้างต้นมาประกอบพิธี” ต่อมา ผีเจ้าปู่ได้บอกความผ่านร่างทรงว่า ให้ชาวบ้านทำ “แมงหน้างาม” หรือ “ผีขน” เพื่อเป็นการบูชาวัว ควาย ที่มีบุญคุณต่อชาวบ้าน แทนการนำมาฆ่าเพื่อเป็นเครื่องสังเวย นอกเหนือจากการบูชาเพื่อรำลึกคุณของวัว ควาย ที่มีต่อชาวบ้านแล้ว ยังมีความเชื่อสืบเนื่องต่ออีกว่า “ผีขน” คือ วัว ควาย ที่ตายไปแล้ว แต่วิญญาณยังคงวนเวียนอยู่ตามห้วย หนอง คลอง บึง รอบๆ หมู่บ้าน เมื่อชาวบ้านไปตักน้ำมาใช้ วิญญาณของสัตว์ทั้งสองจะตามเข้าหมู่บ้านมาด้วย ซึ่งพบแต่ขน และได้ยินแต่เสียงกระดึง แต่ไม่เห็นตัว ชาวบ้านจึงพากันเรียกว่า “ผีขนวัว ผีขนควาย” ยุคแรกๆ จะพากันเรียกว่า “การละเล่นผีขน” แต่ทุกครั้งหลังจบการละเล่นผีขน ฝนมักจะตก ชาวบ้านจึงพากันเรียกว่า “ผีขนน้ำ”
คมสันต์ สุทนต์ เล่าปิดท้ายด้วยการเชิญชวนว่า
การแสดงผีขนน้ำที่รายการไทยโชว์นำเสนอครั้งนี้ เป็นการแสดงของชาวบ้านนาซ่าวแบบดั่งเดิมและของนักเรียนโรงเรียนบ้านนาซ่าว ซึ่งเรายกกองไปถ่ายทำกันถึงวัดศรีคุณเมือง ถนนชายโขง เมืองเชียงคาน รับรองครับว่าไทยโชว์ ตอน แมงหน้างาม ตอนนี้คุณผู้ชมจะได้ทั้งสาระความสนุกสนาน และความสวยงามแบบเชียงคานครบรสครับ
ติดตามรายการไทยโชว์ ตอน“แมงหน้างาม” ในวันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม 2553 เวลา 18.00 น.
ทางทีวีไทย และสามารถดูรายการย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/Thaishow
วันเสาร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2553
คมสันต์ สุทนต์ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เชิญคลายร้อนกับ “แตรฝรั่ง ย่ำไทย 12 ภาษา” อาทิตย์ที่ 25 เมษายนนี้
ไทยโชว์เชิญคลายร้อนปลายเดือนเมษายน สนุกคึกคักเฮฮาทั้งร้อง ทั้งออกตัวรำไปกับแตรฝรั่งในท่วงทำนองไทย 12 ภาษา ที่หาชมหาฟังได้ยาก อาทิตย์ที่ 25 เมษายนนี้ คมสันต์ สุทนต์ ผู้ดำเนินรายการไทยโชว์ เล่าว่า เพลงสิบสองภาษา เป็นเพลงชุดที่ครูดนตรีไทยสมัยก่อน ได้เรียงร้อยเพลงสำเนียงภาษาต่างไว้ด้วยกัน เริ่มจากสำเนียงไทย แล้วต่อด้วยเพลงไทยสำเนียงภาษาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ญวน จีน เขมร ลาว พม่า เขมร ตลุง เงี้ยว ฝรั่ง เป็นต้น ซึ่งดนตรีจะบรรเลงด้วยท่วงทำนองคล้ายเพลงของชนชาตินั้น แม้แต่เครื่องประกอบจังหวะก็จะใช้ตามสำเนียงเพลงด้วยเช่นกัน อย่างเพลงแขกก็ใช้กลองแขก เพลงมอญก็ใช้ตะโพนมอญ-เปิงมาง เพลงฝรั่งก็ใช้กลองฝรั่งเหมือนในวงโยธวาทิต ส่วนการร้องก็จะมีการเอื้อนเอ่ยเหมือนเจ้าของภาษา และมีเนื้อร้องเลียนแบบภาษานั้นๆ ทั้งนี้ก็เพื่ออวดภูมิปัญญา ความเป็นปราชญ์ทางดนตรีนั่นเองครับ โชว์ครั้งนี้เราได้รับเกียรติจากครูกรมศิลป์ที่ขึ้นชื่อเรื่องการร้องเพลงภาษา ครูสมชาย ทับพร มาประชันสำเนียงภาษากับแตรฝรั่งที่มีครูพันโทวิชิต โห้ไทย ควบคุมวง จึงออกรสออกชาดที่สร้างความแตกต่าง ด้วยการ ออกตัวรำภาษา รูปแบบการผสมผสานที่ลงตัวแบบนี้รับรองครับว่า คุณผู้ชมจะเห็นเป็นครั้งแรกในรายการไทยโชว์ รายการไทยโชว์ ตอน “แตรฝรั่ง ย่ำไทย 12 ภาษา” วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2553 เวลา 18.00 น. ชมรายการย้อนหลังได้ทาง w ww.thaipbs.or.th/Thaishow ตัวอย่างเพลง 12 ภาษา ที่นำเสนอในรายการไทยโชว์ กราวนอก กราวกลาง กราวดง กราวแขกเงาะ ญวนลำกระถาง ญวนทอดแห จีนขิมเล็ก จีนไจ๋ยอจีนหุยฮา เขมรเหลือง เขมรพายเรือ เขมรกล่อมลูกชั้นเดียวลาวชมดง ลาวเฉียง เส่เหลเมา ลาวพรวนเลาะทางหลวงยันเติง พม่ากงแด พม่ารำขวาน พม่าทุงเลซัมเซ สร้อยเพลงแขกลพบุรี เขมรเร็ว ตลุงบ้องตันมาร์ชทูจอเจียร์ ฝรั่งยี่แฮม ปันตน กั่นเชา
วันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)






